กกร.หวังเร่งฉีดวัคซีน-เพิ่มวงเงินหนุนกำลังซื้อ ดันศก.ฟื้นตัว Q4/64 เร็วกว่าคาด

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย แถลงผลประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า ที่ประชุมได้ร่วมกันประเมินภาวะเศรษฐกิจแล้วเห็นว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังยังสดใสตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก รวมถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดที่มีความคืบหน้าด้านการกระจายวัคซีนอย่างสหรัฐฯ ยุโรป และจีน ซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 40% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด ต่อเนื่องจากในช่วง 4 เดือนแรกของปีที่มูลค่าการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวขยายตัวได้มากกว่า 10% นอกจากนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนเกิดวิกฤตค่อนข้างมาก ยังเป็นแรงหนุนสำคัญให้มูลค่าส่งออกไทยในปีนี้ขยายตัวได้ดี

อย่างไรก็ดี กกร.รวมทั้งสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย มองว่าต้นทุนค่าระวางเรือที่คาดว่าจะยังในระดับสูงต่อไปตลอดปีนี้ และการขาดแคลนตู้ส่งสินค้า เป็นปัญหาด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญ ซึ่งต้องการความช่วยเหลือจากรัฐ เช่น การอนุญาตให้เรือขนาดใหญ่ (ความยาว 300 เมตร แต่ไม่เกิน 400 เมตร) เข้ามาในท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อช่วยบรรเทาการขาดแคลนตู้ส่งสินค้าได้ระดับหนึ่งไปแล้วก่อนหน้านี้ เป็นต้น

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น นายผยง กล่าวว่า ต้องควบคุมการระบาดที่ลุกลามไปสู่ภาคการผลิตให้ได้โดยเร็ว ซึ่งสถานการณ์ที่ระบาดระลอกล่าสุดช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ส่วนใหญ่อยู่ทางฝั่งเอเชีย อาทิ ไต้หวัน มาเลเซีย เวียดนาม และไทย ซึ่งมีความคืบหน้าด้านการกระจายวัคซีนค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเร่งตัวขึ้นมาก และกระทบไปยังภาคการผลิตและห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ผลิตสินค้าขั้นกลางอย่างชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเซมิคอนดักเตอร์ สะท้อนจากดัชนีเครื่องชี้ภาคการผลิต PMI ของประเทศฝั่งเอเชียที่ปรับตัวชะลอลงในเดือนพฤษภาคม

ขณะเดียวกันความรวดเร็วในการกระจายวัคซีนและนโยบายสนับสนุนที่เหมาะสมจะเอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป การเร่งกระจายวัคซีนในประเทศที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ภาคการผลิตและส่งออกไทยยังคงรักษาการเป็นฟันเฟืองหลักของเศรษฐกิจในภาวะวิกฤตเช่นนี้ และยังจะสร้างเสริมความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและประชาชน ทำให้อุปสงค์ในประเทศกลับมาฟื้นตัวได้

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากทั้งนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติม เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ช้า โดยผู้ประกอบการในภาคท่องเที่ยวสะท้อนว่าผลกระทบจากการระบาดคราวนี้มีแนวโน้มรุนแรงมากกว่าทั้ง 2 ระลอกก่อนหน้า จากการแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มยืดเยื้อและเข้ามาซ้ำเติมกิจกรรมทางธุรกิจให้แย่ลงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการค้าที่สะท้อนว่าได้รับผลกระทบมากกว่า 2 ระลอกก่อนหน้าจากกำลังซื้อที่ลดลง

ดังนั้นแรงสนับสนุนจากนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็น สอดคล้องกับรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ฉบับล่าสุดในเดือน มิ.ย. (Article IV Consultation) ที่เสนอแนะให้ประเทศไทยสามารถดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการคลังมากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งใช้จ่ายด้านการลงทุนภาครัฐ และมีความต่อเนื่อง

“ที่ประชุม กกร.คงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 เป็นขยายตัวในกรอบ 0.5% ถึง 2.0% ด้านการส่งออก กกร. คาดว่าจะขยายตัว 5.0% ถึง 7.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2%”

นายผยง กล่าว

ทั้งนี้ กกร.มีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐดำเนินการ ได้แก่

  1. เร่งฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายและบริหารจัดการมาตรการควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ไปพร้อมกับการเร่งออกแผนสนับสนุนการท่องเที่ยวตามรูปแบบของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีน และทยอยขยายขอบเขตไปยังจังหวัดท่องเที่ยวอื่นต่อไป ซึ่งหากสำเร็จเชื่อว่าจะช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเกิดขึ้นได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ แทนที่จะเป็นไตรมาสที่ 1 ของปีหน้าตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์
  2. เพิ่มมาตรการช่วยเหลือด้านกำลังซื้อภาคประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งให้เข้ามาพยุงกำลังซื้อได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 โดยพิจารณาเพิ่มวงเงินสนับสนุนการใช้จ่ายจาก 3,000 บาทเป็น 6,000 บาท ซึ่งจะช่วยให้มีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 9 หมื่นล้านบาท เป็น 1.8 แสนล้านบาท เมื่อรวมเม็ดเงินของประชาชนที่นำออกมาใช้จ่ายคู่กับเม็ดเงินจากโครงการคนละครึ่ง
  3. พิจารณาแนวทางมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ (E-voucher) ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจะช่วยผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มให้มีความคล่องตัวมากขึ้น ให้ผู้บริโภคสามารถนำเงินที่ใช้จ่ายสำหรับซื้อสินค้าและบริการมาใช้เพื่อลดหย่อนภาษีเงินได้โดยตรง ซึ่งเชื่อว่าจะอำนวยความสะดวกและดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น

นายผยง กล่าวว่า จากที่ได้มีการนำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ออกมาให้ธนาคารต่างๆ ดำเนินการ ทาง กกร.ได้รับทราบประเด็นปัญหาเกี่ยวกับมาตรการทั้งสองจากสมาชิก ทั้งนี้ กกร.กำลังอยู่ในระหว่างการหารือเพื่อหาแนวทางการปรับปรุงเงื่อนไขโครงการและหลักการทั้ง 2 เพื่อนำเสนอกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

“สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในช่วงปลายระลอกสาม ต้องพยายามป้องกันให้ได้ ไม่ให้เกิดผลกระทบเพิ่มเติม”

นายผยง กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , , , , , , , ,
Back to Top