น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยประชาชนส่วนใหญ่ 75.2% ต้องการฉีดวัคซีนฯ ในจำนวนนี้มีผู้ต้องการฉีดและพร้อมที่จะฉีดวัคซีน 47.7% ผู้ต้องการฉีดแต่ยังไม่พร้อม 27.5% และฉีดวัคซีนฯ แล้ว 5.5%
สำหรับประชาชน 19.3% ที่ไม่ต้องการฉีดวัคซีนให้เหตุผลว่า กลัวผลข้างเคียง 16.4%, ไม่เชื่อมั่นว่าวัคซีนจะสามารถป้องกันได้ 4.9%, มีข้อจำกัดทางด้านร่างกาย เช่น พิการ มีโรคประจำตัว ตั้งครรภ์ 4.6%, สามารถป้องกันตัวเองได้ 3.6% และไม่มีข้อมูลหรือข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจ 3.2%
ขณะที่ผู้ต้องการฉีดวัคซีนฯ ระบุว่า วัคซีนที่ต้องการมากที่สุดคือ วัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ 54.6%, วัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ 12.5%, วัคซีนโมเดอร์นา 3%, วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 2.5% และวัคซีนโนวาแวกซ์ 0.9%
สำหรับ 6 จังหวัดที่มีผู้ที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว และผู้ที่พร้อมจะฉีดสูงกว่า 70% ได้แก่ ภูเก็ต 80.2%, ตรัง 80%, ระนอง 78.8%, บุรีรัมย์ 73.3, ชลบุรี 71.8% และ นนทบุรี 71.2%
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุพบว่า ผู้ที่มีอายุ 18-29 ปีไม่ต้องการฉีดวัคซีน และไม่พร้อมที่จะฉีด มีสัดส่วนสูงกว่ากลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไป ขณะที่นักเรียน นักศึกษา ผู้ว่างงาน ระบุว่าไม่ต้องการฉีดวัคซีนหรือไม่พร้อมฉีดสูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น
สำหรับความเชื่อมั่นต่อคุณภาพของวัคซีนนั้น ประชาชน 45.3% มีความเชื่อมั่นต่อคุณภาพวัคซีนที่รัฐบาลให้บริการกับประชาชน ขณะที่ 54.7% ไม่เชื่อมั่น โดยให้เหตุผลว่ากลัวผลข้างเคียง 41.3%, วัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้ยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าวัคซีนที่จะเลือกใช้เอง 7%, ได้รับข้อมูลข่าวสารของวัคซีนที่มีความขัดแย้งกัน 5.7%
เมื่อพิจารณาเป็นรายจังหวัดพบว่า จังหวัดที่ไม่เชื่อมั่นต่อคุณภาพของวัคซีนสูงกว่า 70% ได้แก่ กาฬสินธุ์ 80.5%, ปัตตานี78.5%, นราธิวาส 74%, เชียงใหม่ 72.2%, ขอนแก่น 71.3% และสตูล 70.4% และพบว่าประชาชน 56.6% ระบุว่า การที่รัฐให้เงินชดเชยเป็นหลักประกันการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน มีผลต่อการตัดสินใจฉีดวัคซีน และประชาชน 80.9% เห็นว่าควรเพิ่มสถานที่ให้บริการฉีดวัคซีน โดยเห็นว่าสถานที่ที่เหมาะสม 5 อันดับแรกได้แก่ สถานีอนามัย/โรงพยาบาลประจำตำบล 52.4% , จัดรถMobile ลงชุมชน 18.2%, โรงเรียน อาคารอเนกประสงค์ สนามกีฬา วัด 9.8%, ที่ทำการกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน 9.6% และสถานที่ราชการ 6.9%
ประชาชนยังเห็นว่า รัฐบาลควรสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนและลดความสับสนของข่าวสาร ดังนี้ ให้ผู้มีความรู้ ประสบการณ์ หรือผู้มีวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้นำเสนอประโชน์ของวัคซีนเพื่อสร้างความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง 48.3% ให้หน่วยงานรับผิดชอบตรวจสอบข้อมูล และสกัดกั้นข่าวเท็จที่เผยแพร่จากสื่อสาธารณะ หรือโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว 20.4% และให้หน่วยงานเดียวเป็นผู้รับผิดชอบให้ข้อมูลข่าวสาร 18.8% และพบด้วยว่าประชาชน 90.5% ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เรื่องที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ รายได้ที่ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย 49.3% และเรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือมากที่สุด ได้แก่ ช่วยเหลือค่าครองชีพ 67.8%
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สำรวจความคิดเห็นดังกล่าว จากการสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 46,600 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 17-22 พ.ค.64
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 มิ.ย. 64)
Tags: ฉีดวัคซีนโควิด, ผลสำรวจ, วัคซีนต้านโควิด-19, สำนักงานสถิติแห่งชาติ, โควิด-19, โพล, ไตรศุลี ไตรสรณกุล