แม้ว่ารัฐบาลอังกฤษวางแผนเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แต่ผู้ประกอบการอังกฤษบางส่วนได้แสดงความกังวลว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้รัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกลับมาประกอบกิจการของภาคธุรกิจ
สถานีโทรทัศน์บีบีซีรายงานโดยอ้างผลสำรวจของสภาหอการค้าอังกฤษว่า แม้ว่าผู้ประกอบการรายย่อยในอังกฤษจะมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ในระยะสั้น แต่การฟื้นตัวของภาคธุรกิจก็อาจได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่จะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ
นางแคลร์ วอล์กเกอร์ หนึ่งในผู้อำนวยการคณะกรรมการบริหารของบีบีซี กล่าวว่า “การที่ธุรกิจในอังกฤษสามารถฟื้นตัวจากผลกระทบอันหนักหนาสาหัสที่เกิดขึ้นจากโควิด-19 ได้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวของภาคธุรกิจได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลต้องชี้แจงเรื่องมาตรการจำกัดในอนาคตให้ชัดเจน เช่น การเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงมีการวางแผนสนับสนุนธุรกิจต่างๆ อย่างเป็นระบบในกรณีที่ต้องประกาศใช้มาตรการจำกัดเพิ่มเติมกับผู้ประกอบการภายในปีนี้ หรือในอนาคตข้างหน้า”
ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่า ผู้ประกอบการ 80% คาดว่าจะกลับมาประกอบกิจการได้ในระดับเดียวกับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในเดือนต.ค.นี้ โดยมีผู้ประกอบการมากกว่า 50% ระบุว่า ขณะนี้กิจการของตนฟื้นคืนสู่ระดับดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทเกือบ 40% ที่ตอบแบบสำรวจเปิดเผยว่า ความเสี่ยงที่จะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในอนาคตนั้น ทำให้บริษัทมีความลังเลที่จะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง
ถ้อยแถลงจากนางวอล์กเกอร์มีขึ้นขณะที่รัฐบาลอังกฤษกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากพรรครัฐบาลและผู้ประกอบการต่างๆ ให้รักษาสัญญาที่รัฐบาลได้ให้ไว้ว่า จะยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ที่เหลือทั้งหมดภายในวันที่ 21 มิ.ย. ซึ่งในขณะนี้มีความเสี่ยงว่าอาจไม่เป็นไปตามกำหนดการเดิม เนื่องจากมีรายงานพบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดีย ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ของอังกฤษพุ่งสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มิ.ย. 64)
Tags: COVID-19, ผู้ประกอบการ, ภาคธุรกิจ, มาตรการล็อกดาวน์, อังกฤษ, แคลร์ วอล์กเกอร์, โควิด-19