หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์คล้ายภูมิภาคหลังตัวเลขจ้างงานฯสหรัฐต่ำกว่าคาด

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อิงบวกคล้ายตลาดภูมิภาค แต่เชื่อแรงหนุนจากตลาดสหรัฐฯยังขึ้นต่อเนื่องหลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาด จึงมองประชุมเฟดกลางเดือนนี้ยังไม่น่าลด QE เป็นบวกต่อสภาพคล่องทั่วโลก พร้อมให้ติดตามทิศทาง Fund Flow ซื้อต่อเนื่องหรือไม่ และสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงการกระจายการวัคซีน อีกทั้งการประชุม ECB ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,604 แนวต้าน 1,620-1,627 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ทั้งแดนบวก-ลบในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย เป็นไปตามปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละตลาด แต่ตลาดบ้านเรามีโอกาสแกว่งอิงบวกได้มากกว่า หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯยังปรับขึ้นได้ต่อเนื่องจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าตลาดคาดไว้ ทำให้มองว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กลางเดือนนี้ยังไม่น่าปรับลดการทำ QE ทำให้เป็นบวกต่อสภาพคล่องทั่วโลก

ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดฯได้รับแรงกดดันจากหุ้นขนาดใหญ่ และหุ้น KBANK รวมถึงรายการทำ Big log จากหุ้น INTUCH ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ ทำให้ต้องติดตามทิศทาง Fund Flow ว่ายังซื้อต่อเนื่องหรือไม่ หากยังซื้ออยู่ตลาดฯก็มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ และการกระจายการฉีดวัคซีน รวมถึงการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 มิ.ย.นี้

พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,604 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,627 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (4 มิ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,756.39 จุด เพิ่มขึ้น 179.35 จุด (+0.52%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,229.89 จุด เพิ่มขึ้น 37.04 จุด (+0.88%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,814.49 จุด เพิ่มขึ้น 199.98 จุด (+1.47%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.30 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 272.48 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 67.5 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 มิ.ย.) 1,611.53 จุด ลดลง 6.02 จุด (-0.37%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,567.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (4 มิ.ย.) ปิด 69.62 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 มิ.ย.) อยู่ที่ 1.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.18/21 แข็งค่ามองกรอบ 31.10-31.25 จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ
  • นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กำลังพิจารณาแนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยวในประเทศ หลังจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ค่อยๆ คลี่คลายลง และมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นส่วนใหญ่แล้ว โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว เบื้องต้นถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนในเดือน ส.ค.นี้ จะเริ่มต้นโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ระยะที่ 3 และทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้กำหนดจำนวนคนร่วมโครงการเอาไว้ประมาณ 3 ล้านคน พร้อมกันนี้ยังเตรียมหามาตรการอื่นๆ มาเสริมด้วย เพื่อจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ
  • หอการค้าชี้แผนฉีดวัคซีนฟื้นความเชื่อมั่นธุรกิจ หวังรัฐฉีดให้ได้ตามแผน ทยอยปรับแผนธุรกิจ ไตรมาส 3 หนุนเศรษฐกิจฟื้นปลายปี ภาคผลิตคาดปรับแผน หลังผู้ติดเชื้อต่ำกว่าหลักพัน “กลุ่มแบงก์” มั่นใจกระจายวัคซีนเร็ว รีสตาร์ทธุรกิจเร็ว “โทรคม-ไอที” เชื่อแผนวัคซีนชัด ลดผู้ติดเชื้อลง “อินเด็กซ์” คาดธุรกิจอีเวนท์เริ่มกลับมา ก.ย.นี้
  • ผู้ว่าฯ ททท.เผย 7 สายการบินมั่นใจเปิดบินภูเก็ต หลังรัฐบาลประกาศแผนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้ หวังปีนี้ด้านท่องเที่ยวสร้างรายได้เพิ่มอีก 10% เล็งนำอินฟลูเอนเซอร์ 200 รายดึงต่างชาติเที่ยวภูเก็ต

หุ้นเด่นวันนี้

  • NUSA-W4 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.ณุศาศิริ (NUSA)) เทรดวันนี้วันแรก 1,909,339,415 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับจาก 18 พฤษภาคม 2564 ราคา 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 พ.ย.2564 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 17 พ.ค. 2566
  • PTTEP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 160 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบบวกแรง และคาดกำไรสุทธิใน Q2/64 จะเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ปตท.เพราะไม่มีปัญหาเรื่อง Stock gain/loss ให้กังวลเหมือนกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรฯ
  • SAPPE (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 36 บาท ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Beauti Drink กลิ่นเทอร์ปีนขายใน 7-11 หนุนรายได้ช่วงปลาย Q2/64 และจะเต็มที่ใน Q3/64 เป็นต้นไป ประเมินกำไร Q2/64 ฟื้นทั้ง Q-Q และ Y-Y โดยเฉพาะจากรายได้ส่งออกไปอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ รวมถึงบริหารจัดการต้นทุน และคาดร่งตัวขึ้นใน H2/64 พร้อมคาดกำไรปี 64-65 +26% Y-Y และ +11% Y-Y ตามลำดับ ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มเครื่องดื่มที่มี Valuation ต่ำ เทรด PE เพียง 17 เท่า ขณะที่กลุ่มฯเทรด 20-25 เท่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 มิ.ย. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top