ธนาคารกลางอินเดียประกาศเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 1.2 ล้านล้านรูปี (1.64 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการประชุมวันนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมชะลอตัวลง เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอินเดียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repo rate) ที่ระดับ 4% และคงอัตราดอกเบี้ย reverse repo ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางใช้อ้างอิงในการกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ ที่ระดับ 3.35% โดยมติการประชุมในวันนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ในการประชุมครั้งนี้ ธนาคารกลางอินเดียได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศลงสู่ระดับ 9.5% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 10.5%
นายชัคติคานตา ดาส ผู้ว่าการธนาคารกลางอินเดีย กล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (MPC) ทั้ง 6 คนของธนาคารกลางอินเดียเห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ย และคงนโยบายผ่อนคลายการเงินเอาไว้จนกว่าจะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอินเดียขยายตัว 1.6% ในไตรมาส 1/2564 ซึ่งแม้ว่าสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1% แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองค่อนข้างลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอินเดียในไตรมาส 2 เนื่องจากกังวลว่าการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19 อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และบั่นทอนความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 64)
Tags: GDP, QE, ธนาคารกลางอินเดีย, อัตราดอกเบี้ย, อินเดีย, เศรษฐกิจอินเดีย, แบงก์ชาติอินเดีย