นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงการสอบสวนเกี่ยวกับคดีภาษีของบริษัทในเครือโตโยต้าในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีการกล่าวอ้างถึงชื่อข้าราชการและอดีตข้าราชการตุลาการผู้ใหญ่ว่าอาจมีส่วนพัวพันว่า สำนักงานฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ส่งหนังสือประสานขอข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบกรณีดังกล่าวในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านกระทรวงการต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสำนักงานฯ จะมั่นใจในระบบ แต่เมื่อมีการกล่าวอ้างว่าอาจมีการแทรกแซงกระบวนการ จนถึงขั้นอาจมีการเสนอให้สินบนขึ้น ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์และศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อในเนื้อหาข่าวปรากฏชื่อบุคคลในศาลยุติธรรมขึ้น สำนักงานฯ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบและติดตามผล
คณะทำงานชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ติดตามหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับกรณีนี้ โดยได้ส่งหนังสือขอข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและนอกประเทศแล้ว ได้แก่ ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทโตโยต้า อเมริกา กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงส่งเมล์ไปยังผู้สื่อข่าวที่เขียนรายงานข่าวอันเป็นต้นทางของเรื่องนี้ และจะขอเข้าร่วมสังเกตการณ์การไต่สวนของคณะลูกขุนในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกาด้วย
ต่อมาได้มีคำสั่งแต่งตั้ง “คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง” 4 คน ประกอบด้วย ผู้พิพากษาชั้นฎีกาและชั้นอุทธรณ์ ซึ่งมีผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นประธานกรรมการฯ และมีผู้พิพากษาชั้นศาลฎีกาและชั้นศาลอุทธรณ์เป็นกรรมการ โดยให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการสอบสวนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) กรณีข้าราชการตุลาการถูกกล่าวหาหรือเป็นที่สงสัยว่ากระทำผิดวินัย ให้เสร็จโดยเร็ว
ทั้งนี้ ให้กรรมการชุดนี้เสนอความเห็นว่ากรณีมีมูลเป็นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง หรือไม่มีมูลความผิดทางวินัย หากมีมูลความผิดทางวินัยก็ให้พิจารณาด้วยว่าเป็นความผิดวินัยตามบทมาตราใด และควรได้รับโทษสถานใด เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และหากสอบสวนพบข้อเท็จจริงมีบุคคลอื่นใดเป็นผู้กระทำผิด หรือพบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากที่ระบุในคำสั่งนี้ ก็ให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงชุดนี้ดำเนินการสอบสวนไปด้วยในคราวเดียวกัน
นายพงษ์เดช กล่าวว่า คณะทำงานติดตามข้อมูลจะดำเนินการทุกวิถีทางให้เร็วที่สุด และจะเสนอผลความคืบหน้าของการทำงานต่อประชาชน และสื่อมวลชนเป็นระยะ
“คณะทำงานติดตามข้อมูลที่ผมเป็นประธาน จะทำงานสนับสนุนการทำงานของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงตามที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงต้องการ ให้ความกระจ่างปรากฏต่อสาธารณชนโดยเร็ว และหากพบว่าผู้ใดกระทำความผิดตามกฎหมายก็จะดำเนินการต่อไปอย่างเด็ดขาด”
พร้อมย้ำว่า หากคดีนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกา คู่ความจะได้รับความเป็นธรรมทุกอย่างตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน องค์คณะในศาลฎีกาจะพิจารณาคดีอย่างไม่หวั่นไหว ส่วนการให้สินบนตามข่าวหากมีจริงก็เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการและดำเนินคดีต่อไป
ด้านนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับหน่วยงานของประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีการประสานงานกับทางการประเทศสหรัฐอเมริกาในคดีทุจริตอื่นๆ อยู่แล้ว โดยหากหน่วยงานใดมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สามารถส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 64)
Tags: คดีภาษี, นิวัติไชย เกษมมงคล, ป.ป.ช., พงษ์เดช วานิชกิตติกูล, ศาลยุติธรรม, สินบน, โตโยต้า