ราคาหุ้นเทสลาปรับตัวลงอีก 0.12% ในช่วงเช้านี้ หลังมีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อรถยนต์เดือนพ.ค.ของเทสลาในประเทศจีนลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากเดือนเม.ย. อันเนื่องมาจากการที่รัฐบาลจีนพยายามตรวจสอบรถยนต์ของเทสลา
เว็บไซต์ The Information ระบุว่า ยอดสั่งซื้อรถยนต์เทสลาเดือนพ.ค.ในจีนลดลงมาอยู่ที่ 9,800 คัน จากกว่า 18,000 คันในเดือนเม.ย.
ราคาหุ้นเทสลาปิดตลาดดิ่งลงกว่า 5% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังมีรายงานว่า เทสลาเรียกคืนรถยนต์รุ่น Model 3 จำนวน 734 คันในประเทศจีน เนื่องจากพบปัญหาที่เข็มขัดนิรภัยและปัญหาที่เกี่ยวข้องกับยางรถยนต์ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุชนกัน
ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของเทสลารองจากสหรัฐ และมียอดจำหน่ายในจีนประมาณ 30% จากทั้งหมด โดยเทสลาได้ดำเนินการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 และรุ่น Model Y ที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ของจีน โดยในช่วงแรกนั้น เทสลาได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ในการสร้างโรงงานผลิตเมื่อปี 2562
อย่างไรก็ดี ยอดขายรถยนต์เทสลาปรับตัวลดลงในเวลาต่อมา เนื่องจากหน่วยงานของรัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มงวด หลังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถยนต์และข้อร้องเรียนของผู้ใช้งานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รวมถึงสาเหตุจากแรงตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐ
เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลจีนได้สั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำรถยนต์ของบริษัทเทสลาเข้ามาจอดภายในบริเวณอาคารสำนักงานของรัฐบาล เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับกล้องหลายตัวที่ติดตั้งมากับรถยนต์
ส่วนเมื่อเดือนมี.ค.ปีนี้ รถยนต์ของเทสลาได้ถูกสั่งห้ามเข้าไปจอดในศูนย์บัญชาการทหารบางแห่งในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากทางการจีนกังวลเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับกล้องที่ติดมากับรถยนต์ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้ออกมาชี้แจงว่า หากเทสลาใช้รถยนต์เป็นเครื่องมือสอดแนมในจีนหรือในประเทศอื่นๆ โรงงานของเทสลาก็คงต้องถูกปิดกิจการไปนานแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 64)
Tags: กรุงปักกิ่ง, จีน, ยอดขายรถยนต์, รถยนต์, รถยนต์ไฟฟ้า, หุ้น, เทสลา