สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐได้ยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับภาษีครั้งใหม่เพื่อให้ได้การรับรองจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎร โดยเสนอว่าจะยกเลิกแผนการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราสูงถึง 28% และจะแทนที่ด้วยการกำหนดภาษีขั้นต่ำสำหรับนิติบุคคลที่ระดับ 15%
แหล่งข่าวระบุว่า ปธน.ไบเดนต้องการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งรวมถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสโดยเร็ว และคาดว่าการปรับข้อเสนอด้านภาษีในครั้งนี้ อาจทำให้สมาชิกพรรครีพับลิกันตกลงสนับสนุนโครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินอย่างน้อย 1 ล้านล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะบริหารของปธน.ไบเดนได้เปิดเผยแผนงบประมาณรายจ่ายสำหรับปีงบประมาณ 2565 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนต.ค.ปีนี้ ที่ระดับ 6 ล้านล้านดอลลาร์ นับเป็นงบประมาณรายจ่ายสูงที่สุดของสหรัฐนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
รัฐบาลสหรัฐได้จัดสรรงบประมาณ 8.4 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับความพยายามในการสร้างงานเพื่อช่วยเหลือชนชั้นกลางในสหรัฐ และจัดสรรงบประมาณ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับการปรับลดภาษีสำหรับภาคครัวเรือนที่มีบุตรที่ยังเด็ก รวมถึงการจัดสรรงบประมาณสำหรับมาตรการสนับสนุนด้านการศึกษา อาทิ ค่าเล่าเรียนฟรี
ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายดังกล่าวจะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐมีหนี้สินในระดับสูง ซึ่งคณะบริหารของปธน.ไบเดนวางแผนที่จะชดเชยด้วยการปรับขึ้นภาษีจากภาคธุรกิจและชาวอเมริกันที่ร่ำรวย
สภาคองเกรสจะทำการทบทวนแผนงบประมาณดังกล่าว ซึ่งพรรครีพับลิกันวิพากษ์วิจารณ์ว่า ค่าใช้จ่ายที่ระดับสูงจะทำลายเศรษฐกิจสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม คณะบริหารของปธน.ไบเดนได้แสดงความเต็มใจที่จะประนีประนอมกับสภาคองเกรส โดยได้ยอมปรับลดงบประมาณด้านการก่อสร้างสาธารณูปโภคลงอย่างมาก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 64)
Tags: งบประมาณรายจ่าย, พรรครีพับลิกัน, ภาษี, ภาษีเงินได้นิติบุคคล, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, สภาคองเกรส, สหรัฐ, โจ ไบเดน