การที่ JBS SA ผู้ผลิตและบรรจุเนื้อสัตว์รายใหญ่ที่สุดในโลก ต้องยุติการผลิตเนื้อสัตว์ลงชั่วคราวหลังได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์นั้น อาจส่งผลกระทบต่อจีนมากที่สุด เนื่องจากจีนเป็นผู้นำเข้าเนื้อวัวรายใหญ่ที่สุดของโลก หรือคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 3 ของรายได้จากการส่งออกของ JBS
นอกจากนี้ จีนยังเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับการนำเข้าเนื้อวัวจากออสเตรเลีย ซึ่งการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งรุนแรงนี้ได้ส่งผลให้โรงฆ่าสัตว์ของ JBS หยุดการผลิตตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงโรงงานทั้งหมดในสหรัฐ และโรงงานในแคนาดาอย่างน้อย 1 แห่ง
ปัจจุบัน ราคาเนื้อวัวในจีนพุ่งเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจส่งผลให้ราคาเนื้อวัวปรับตัวสูงขึ้นอีก รวมถึงก่อให้เกิดความกังวลเรื่องภาวะราคาอาหารเฟ้อ
JBS ระบุว่า บริษัทพยายามแก้ไขปัญหาการโจมตีดังกล่าว และโรงงานส่วนใหญ่ของบริษัทจะกลับมาดำเนินการได้ตามปกติในวันพุธ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสามารถเปิดโรงงานใดได้บ้าง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า หลายพื้นที่อาจประสบปัญหาการขาดแคลนเนื้อสัตว์ และเผชิญกับราคาขายปลีกที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ ความมั่นคงด้านอาหารถือเป็นวาระทางการเมืองที่สำคัญของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนวันครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ในปีนี้
นอกจากนี้ ปัญหาอุทกภัย การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงความตึงเครียดทางการค้า ได้เพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลต้องปกป้องแหล่งอาหาร และเพิ่มความพยายามต่าง ๆ ตั้งแต่การเพิ่มผลผลิตไปจนถึงการกระตุ้นการนำเข้า
อย่างไรก็ตาม ราคาเนื้อหมูซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของประเทศปรับตัวลดลง ซึ่งอาจช่วยชดเชยความกังวลเหล่านี้ได้บ้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 64)
Tags: JBS, จีน, ราคาเนื้อวัว, ออสเตรเลีย, เนื้อวัว, เนื้อสัตว์, โจมตีทางไซเบอร์, โรงฆ่าสัตว์