นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดหาวัคซีนว่า กรมราชทัณฑ์ได้รับการแจ้งจากกรมควบคุมโรคว่าจะสามารถส่งมอบวัคซีนในล็อตแรกประมาณ 100,000 โดส โดยจะใช้ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหน่วยงานหลักในการเก็บรักษาวัคซีน
ซึ่งขณะนี้ทุกเรือนจำและทัณฑสถานที่เป็นเรือนจำสีขาว คือปลอดการติดเชื้อทั้งในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง จำนวน 122 แห่ง ได้เตรียมแผนเพื่อฉีดวัคซีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนได้ทันทีเมื่อวัคซีนถูกจัดสรรมา โดยในระยะแรกจะกระจายการฉีดวัคซีนในกลุ่มเรือนจำสีขาวที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้มก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดสูง โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการฉีดได้ในวันที่ 3 มิ.ย.64 ที่เรือนจำกลางสมุทรปราการ และคาดว่าจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังตามแนวทางดังกล่าวได้ครบถ้วนภายในเดือน มิ.ย.64 ซึ่งกรมราชทัณฑ์จะรายงานความคืบหน้าในประเด็นดังกล่าวให้ทราบเป็นระยะต่อไป
อนึ่งจาก ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ (1 มิ.ย.) พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่จำนวน 1,087 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังที่ยังติดเชื้ออยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 14,588 ราย
“ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีเรือนจำและทัณฑสถานที่ไม่พบการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 122 แห่ง และมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นจากวันก่อนค่อนข้างมาก ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนการ SWAB เพื่อตรวจหาเชื้อซ้ำในกลุ่มผู้ต้องขังที่ไม่พบเชื้อในเรือนจำและทัณฑสถานที่พบการแพร่ระบาด ซึ่งจะดำเนินการตรวจตามรอบในทุกๆ 7 วัน จึงส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นและลดลงตามรอบการตรวจดังกล่าว เพื่อให้การค้นหาผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและผู้ป่วยหนักให้น้อยลง”
นายอายุตม์ กล่าว
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้พ้นโทษจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ต้องขังที่ไม่ติดเชื้อ และกลุ่มผู้ต้องขังที่ติดเชื้อแล้ว โดยกลุ่มผู้ต้องขังที่ไม่ติดเชื้อที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำและทัณฑสถานจะดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนปล่อยตัว หากเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่เสี่ยงสูงที่ต้องกักตัวหลังปล่อยตัวให้แจ้งชื่อและกำหนดการปล่อยตัวแก่สำนักงานสาธารณสุขก่อนปล่อยตัวไม่น้อยกว่า 5 วัน ส่วนผู้ที่สงสัยว่าจะติดเชื้อให้ดำเนินการแยกกักตัวเพื่อสังเกตอาการก่อนปล่อย 14 วัน หากพบว่าไม่ติดเชื้อหรือในรายที่ได้รับการรักษาจนหายแล้วที่ไม่สามารถกลับไปพักอาศัยในภูมิลำเนาเดิมได้ จะดำเนินการประสานให้เข้ารับการดูแลในบ้านกึ่งวิถี สังกัดกรมคุมประพฤติ หรือ บ้านพักชั่วคราว สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ส่วนกลุ่มที่ติดเชื้อหรือกำลังรักษาตัวอยู่ จะดำเนินการประสานงานสำนักงานสาธารณสุขพื้นที่เพื่อดำเนินการรับตัวเข้ารับการรักษา ส่วนกรณีที่ผู้พ้นโทษไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลภายนอกได้ ทางกรมราชทัณฑ์จะนำตัวเข้ารักษาภายในศูนย์พักพิงของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำพิเศษธนบุรี โดยต้องแจ้งไปยังญาติให้ทราบถึงสถานที่ส่งตัวรักษา และติดตามอาการจนสิ้นสุดการรักษา รวมถึงการดูแลและติดตามหลังพ้นโทษ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 64)
Tags: COVID-19, กรมราชทัณฑ์, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, อายุตม์ สินธพพันธุ์, เรือนจำ, โควิด-19