นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/64 แกว่งรายวันตามปัจจัยการระบาดของโควิด-19 แต่ภาพรวมทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว บริษัทยังคงวางกลยุทธ์ออกแคมเปญ และสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นการให้บริการแบบเดลิเวอรี่มากขึ้น
สำหรับการขยายสาขาร้านสะดวกซื้อเซเว่น (7-11) บริษัทคงเป้าหมายขยายสาขาในปีนี้ทั้งหมด 700 สาขา โดยมีการขยายสาขาในไตรมาส 1/64 แล้ว 155 สาขา ทั้งนี้จำนวนสาขาที่ขยายในปีนี้มีจำนวนน้อยกว่าปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากบริษัทมีความระมัดระวังในการเลือกพื้นที่ในการขยายสาขามากขึ้น เพื่อให้แต่ละสาขาสามารถสร้างผลกำไรได้มากที่สุด
ด้านความคืบหน้าการขยายสาขาในประเทศลาวและกัมพูชา บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการดำเนินงาน และยังไม่รีบดำเนินการในส่วนนี้ เนื่องจากรอดูสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และการเปิดประเทศ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ส่วนการติดตั้งสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าข้างร้านสะดวกซื้อเซเว่น (7-11) ที่บริษัทตั้งเป้าติดตั้งให้ได้ 100 สาขาภายในปีนี้ บริษัทได้ดำเนินการติดตั้งไปแล้ว 24 สาขา ทั้งนี้จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เกิดความไม่สะดวกในการเข้าติดตั้งในบางพื้นที่จึงอาจเกิดความล่าช้าไปบ้าง อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงตั้งเป้าดำเนินงานตามแผนเดิม
นางสาวจิราพรรณ ทองตัน หัวหน้านักลงทุนสัมพันธ์ CPALL กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/64 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 76,212 ล้านบาท ลดลง 13.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว 88,052 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 947 ล้านบาท ลดลง 75.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วที่ 3,845 ล้านบาท จากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 และค่าใช้จ่ายของบริษัทที่มากขึ้นจากการลงทุนใน Tesco Lotus
เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 1/64 ลดลงกว่า 17% อยู่ที่ 65,024 บาท โดยมีจำนวนนลูกค้าเข้าร้านต่อวัน/สาขาอยู่ที่ 845 คน และมียอดค่าใช้จ่ายต่อใบเสร็จที่ 77 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มิ.ย. 64)
Tags: 7-11, CPALL, จิราพรรณ ทองตัน, ซีพี ออลล์, ผลประกอบการ, ร้านสะดวกซื้อ, สถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า, หุ้นไทย, เกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ, เซเว่น, เดลิเวอรี่