รมว.คลัง แจงงบปี 65 อยู่ในกรอบวินัยการเงิน

ส.ส.ปชป.ห่วงพึ่งเงินกู้ทำหนี้บานปลาย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ว่า ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ปีที่ผ่านมาและปีนี้จึงมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น แต่คาดหวังและคาดการณ์ว่าปี 65 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้

อย่างไรก็ดี กฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ มาตรา 11 ของพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ ระบุไว้ชัดเจนว่า กรณีที่จัดเก็บรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายให้แถลงวิธีการหาส่วนที่ขาดดุลต่อรัฐสภาด้วย ซึ่งกรณีที่ต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์กฎหมายวินัยการเงินการคลังและกฎหมายการบริหารหนี้สาธารณะ

รมว.คลัง ชี้แจงต่อว่า ในคำแถลงร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 65 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต่อสภาฯ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม เขียนไว้ชัดเจนว่า จะใช้ 2 วิธีหลักคือ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ กิจการที่เป็นงบประมาณลงทุนของส่วนราชการอาจนำไปใช้ลงทุนร่วมกับภาคเอกชน และการบรรจุโครงการไว้ในโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภายใต้แผนบริหารหนี้สาธารณะ

ส่วนหนี้สาธารณะจะทะลุเพดานหรือไม่นั้น นายอาคม กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกรอบ 60% ที่คณะกรรมการวินัยการเงินการคลังกำหนด อย่างไรก็ดี การพิจารณาแผนการบริหารหนี้สาธารณะ จะทำแผนทั้งระยะสั้นและระยะกลาง โดยจะต้องพิจารณาภาวะเศรษฐกิจ และขีดความสามารถการชำระหนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะกรรมการวินัยการเงินการคลังพิจารณาเรื่องกรอบการบริหารระยะ 3 ปีข้างหน้า

นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อดีต รมช.คลัง ระบุว่า สิ่งที่เป็นห่วงคือนายกรัฐมนตรีได้ประกาศเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ว่า วิธีการแก้ปัญหาเรื่องของงบลงทุนที่น้อยไปนั้นจะอาศัยการกู้เงินในการออกฎหมาย เพราะหลักของการบริหารจัดการงบประมาณที่ดีควรจะอยู่ส่วนกลาง เก็บภาษีทุกอย่างควรจะอยู่ตรงกลาง และจ่ายออกไป โดยผ่านสภาฯ ให้ได้มีการตรวจสอบและเปิดเผย

แต่ พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท หรือ 1 ล้านล้านบาท เป็นการออกกฎหมายมาอย่างรวดเร็วภายในเวลาสั้นๆ ไม่มีข้อมูลปรากฎให้ ส.ส. และ ส.ว.ได้ตรวจสอบ แล้วก็ใช้ไปเรื่อยๆ แล้วถือว่านี่คือการการทดแทนการที่เรามีงบลงทุนต่ำ ซึ่งเป็นการทำที่ไม่ถูกต้องในหลักของการบริหารจัดการงบประมาณที่ดี

“ผมอยากให้ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องระวัง ไม่ให้ทำอีก ช่วงนี้ท่านอาจจะมีเหตุผลเรื่องโควิด แต่จริงๆแล้วงบประมาณประจำปี ก็ควรนำมาจัดการเพื่อมาทำเรื่องโควิดให้มากกว่านี้ แทนที่อาศัยการกู้เงินซึ่งเป็นวิธีที่ง่าย แต่สร้างผลกระทบที่ตามมาคือเรื่องตัวเลขหนี้ที่เราเห็นมาแล้ว” นายพิสิฐ กล่าว

ส่วนที่นายอาคม ระบุว่า นายกรัฐมนตรีพูดเกี่ยวกับฐานะการคลังว่ามีการชี้แจงเรื่องตัวเลขเงินคงคลัง นายพิสิฐ กล่าวว่า ยืนยันว่า เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง ฐานะการคลังกับเงินคงคลัง เป็นคนละเรื่องกัน แต่นายกฯพูดเฉพาะเงินคงคลัง เพราะฐานะการคลังเป็นการแสดงถึงรายได้ รายจ่าย และการขาดดุลเงินสด และผลที่มีต่อหนี้ในที่สุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มิ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top