หุ้นไทยปิดเช้าบวก 7.95 จุด ดีกว่าตลาดภูมิภาครับแรงซื้อหุ้นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะ

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,589.93 จุด เพิ่มขึ้น 7.95 จุด (+0.50%) มูลค่าการซื้อขายราว 40,250 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นได้ดีกว่าตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่ที่ติดลบจากแรงขายทำกำไร-รับแรงกดดันตัวเลข PCE ของสหรัฐฯสูงกว่าคาด ทั้งนี้ตลาดบ้านเราขึ้นขานรับวัคซีนทางเลือก-แรงซื้อหุ้นรายตัว อย่างไรก็ดี ยังมีแรงกดดันจากการแพร่ระบาดโควิดในภาคอุตสาหกรรม บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งผันผวน โดยมีแนวรับ 1,580 แนวต้าน 1,590 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,589.93 จุด เพิ่มขึ้น 7.95 จุด (+0.50%) มูลค่าการซื้อขายราว 40,250 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,591.99 จุด และระดับต่ำสุด 1,578.09 จุด

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่ติดลบจากแรงขายทำกำไร และได้รับแรงกดดันจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐสูงกว่านักวิเคราะห์ฯคาดไว้

ส่วนตลาดบ้านเราขึ้นขานรับวัคซีนทางเลือก และยังมีแรงซื้อหุ้นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะเข้ามาด้วย อย่างหุ้น BANPU รับแรงหนุนราคาถ่านหินปรับขึ้น และหุ้นกลุ่มขนส่งทางเรือ ค่าระวางเรือยังขึ้นมาต่อได้ อย่างไรก็ดี ตลาดฯก็ยังมีแรงกดดันจากการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้าไปยังภาคอุตสาหกรรม

พร้อมแนะติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค.ของสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการพิจารณางานประมูลโครงการของภาครัฐฯในวันพรุ่งนี้

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายศราวุธ กล่าวว่า ตลาดฯคงแกว่งผันผวนทั้งแดนบวก-ลบ พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,306.08 ล้านบาท ปิดที่ 120.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
  • RCL มูลค่าการซื้อขาย 1,182.34 ล้านบาท ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท
  • CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,163.78 ล้านบาท ปิดที่ 27.00 บาท ลดลง 0.25 บาท
  • III มูลค่าการซื้อขาย 983.97 ล้านบาท ปิดที่ 12.20 บาท เพิ่มขึ้น 2.80 บาท
  • HANA มูลค่าการซื้อขาย 935.04 ล้านบาท ปิดที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top