ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป (31 พ.ค.-4 มิ.ย.) ที่ 31.15-31.50 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดและรายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนเม.ย. ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ค. รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนเม.ย. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงาน Beige Book ของเฟด นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามการประชุม G-7 สถานการณ์โควิด-19 ในต่างประเทศ และดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษเช่นกัน
สำหรับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นตามทิศทางค่าเงินหยวนและสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ประกอบกับมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ และข้อมูลการส่งออกเดือนเม.ย. ของไทยที่เติบโตดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด นอกจากนี้เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันระหว่างสัปดาห์ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมากล่าวย้ำว่า เฟดจะยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างต่อเนื่อง และมองว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเป็นภาวะชั่วคราว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 64)
Tags: Forex, KBANK, ค่าเงินบาท, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท