หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มลุ้นขึ้นก่อนเจอขายจากหุ้นบิ๊กแคปหลัง MSCI จะลดน้ำหนักหุ้นไทย

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ โดยมีโอกาสเปิดในแดนบวกชดเชยช่วงที่ตลาดบ้านเราปิดทำการแล้วตลาดในเอเชียบวกกันหลังคลายกังวลเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ก่อนเผชิญแรงขายหุ้นบิ๊กแคปหลัง MSCI จะปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยราว 1 หมื่นล้านบาท มีผลวันนี้ ทำให้ตลาดฯช่วงบ่ายอาจผันผวนได้ แต่อวอลุ่มเทรดจะหนาแน่น นอกจากนี้ยังกังวลการแพร่ระบาดโควิดในประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลง-ยังกังวลการกระจายวัคซีนโคิด-19 ที่ล่าช้า พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,547 แนวต้าน 1,575-1,580 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งทั้งในแดนบวก-ลบ โดยมีโอกาสเปิดในแดนบวกก่อนที่เผชิญแรงขายทำกำไรออกมา เนื่องจากในช่วงที่ตลาดบ้านเราปิดทำการทางตลาดในภูมิภาคเอเชียได้ปรับตัวขึ้นหลังคลายกังวลเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ แต่เช้านี้ตลาดในเอเชียได้ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ซึ่งตลาดบ้านเราทาง MSCI จะปรับลดน้ำหนักลงทุนในวันนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ทำให้คาดว่าจะกดดันตลาดในช่วงบ่ายให้ผันผวนในทางลงได้จากแรงกดดันหุ้นขนาดใหญ่ แต่วอลุ่มเทรดวันนี้คาดว่าจะมีเข้ามามาก

นอกจากนี้ ตลาดฯยังมีความกังวลสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศอยู่ ที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงเลย รวมถึงกังวลถึงการกระจายวัคซีนโควิด-19 ด้วย ที่มีความล่าช้า ด้านราคาน้ำมัน และเงินบาทอยู่ในทิศทางทรงตัว แต่ยังต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมันด้วย รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจของประเทสำตัญ และการแพร่ระบาดโควิดในประเทศ

พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,547 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,580 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,323.05 จุด เพิ่มขึ้น 10.59 จุด (+0.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,195.99 จุด เพิ่มขึ้น 7.86 จุด (+0.19%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,738.00 จุด เพิ่มขึ้น 80.82 จุด (+0.59%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.63 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 98.87 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 167.62 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 พ.ค.) 1,568.58 จุด เพิ่มขึ้น 16.73 จุด (+1.08%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,255.94 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 พ.ค.) ปิด 66.21 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 พ.ค.) อยู่ที่ 1.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.26 แข็งค่าหลังดอลลาร์อ่อนค่า มองกรอบวันนี้ 31.20-31.35
  • ส.อ.ท.ห่วงโควิดระบาดแหล่งอุตสาหกรรม ปิดสายการผลิต กระทบส่งออกรุนแรง เสี่ยงฉุดยอดต่ำกว่าเป้าหมาย กระทบซัพพลายเชนไปทั่วโลก สรท.หวั่นคลัสเตอร์เขาย้อย จุดเริ่มต้นกระทบภาคการผลิตป้อนส่งออกคาด พ.ค.-มิ.ย.ส่งออกยังโต 2 หลัก มั่นใจทั้งปีโต 7%
  • สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเร่งศึกษามาตรการต่างๆ เพื่อยื่นข้อเสนอภาครัฐเร็วๆ นี้เพื่อรับมือแผนพัฒนา EV ของไทยหลังบอร์ด EV เคาะเป้าหมายให้รถจดทะเบียนใหม่เป็น ZEV 100% ในปี 2578 หวังให้มีมาตรการรับมือที่ชัดเจนหวั่นชิ้นส่วนไทยกว่า 50% อาจต้องปิดกิจการ ขณะที่ปัญหาชิปขาดกระทบเล็กน้อย ด้านอุตฯ ยานยนต์ส.อ.ท.เกาะติดชิปขาดต่อเนื่องหลังไต้หวันโควิดกลับมาระบาดอีกรอบหวั่นซ้ำเติมปัญหาขาดแคลน
  • คลังฉายภาพอัด 1 แสนล้านบาท จาก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทเข้าระบบเศรษฐกิจ ช่วยกระทุ้งจีดีพีปีนี้โตเพิ่มอีก 0.3% ยันมีคณะทำงานพิจารณาการใช้จ่ายเงินอย่างเหมาะสม ไม่ได้เอามาแจกทั้งหมด การันตีฐานะการคลังยังแกร่ง
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) เปิดเผยว่า ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์มูลค่าส่งออกปี 64 เป็นขยายตัวในช่วง 13-15% จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 8.6% เนื่องจากการส่งออกที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่จะฟื้นตัวดีในช่วงครึ่งหลังของปี โดยตัวเลขการส่งออกไทยหักทองในช่วง 4 เดือนแรกขยายตัวถึง 12.8% นับเป็นการฟื้นตัวที่ดีกว่าที่เคยคาดไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักทำให้การส่งออกไทยขยายตัวได้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. ที่มีปัจจัยฐานต่ำปีก่อนมาสนับสนุนเพิ่มเติม
  • กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต โดยให้ชะลอการปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีความหวานออกไปอีก 1 ปี เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด หลังจากวันที่ 1 ต.ค.นี้ จะครบกำหนดเวลาที่ต้องปรับขึ้นภาษีความหวานรอบใหม่ จากระยะที่ 2 ไปสู่ระยะที่ 3 ซึ่งมีอัตราภาษีเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จนอาจสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการรวมถึงประชาชนต้องบริโภคสินค้าแพงขึ้น

หุ้นเด่นวันนี้

  • CK (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”มีมุมมองเชิงบวกต่อกำไรใน H2/64 ที่จะฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ ทั้งธุรกิจรับเหมาฯที่ยืนพื้นแข็งแกร่งตามงานในมือที่เพิ่มขึ้น ขณะที่บ.ลูกอย่าง BEM และ CKP ที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีลุ้นประมูลงานเพิ่มและคาดหวัง Backlog แตะ 1 แสนลบ.อีกครั้ง ยังคงประมาณการกำไรปี 2564 +141% Y-Y โดยมี Upside จากงานรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของซึ่งรอสัดส่วนการถือหุ้นของ JV กับ STEC ที่ชัดเจน พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 22 บาท (ปรับ EV/EBITDA Multiple ของส่วนรับเหมาฯขึ้น)
  • BCH (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 24 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/64 โตแรงจากยอดตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดค เบื้องต้นคาดมียอดตรวจทั้งหมด 5 แสนรายเพิ่มขึ้น 300%qoq จาก 128,700 รายใน Q1/64
  • NER (เคทีบีเอสที) “ซื้อ”เป้า 8.50 บาท ยอดส่งออกยางพาราเดือน เม.ย. เตฺบโตต่อเนื่อง YoY, ราคายางแท่งเฉลี่ยทั้งปีลุ้นยืนเหนือ 70 บาท/กก. สูงสุดในรอบ 8 ปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top