นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ได้หารือร่วมกันเพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้เร็วขึ้นและกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น หลังจากที่มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อฟื้นฟู (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูฯ) และโครงการพักทรัพย์พักหนี้ ได้ดำเนินการผ่านมาแล้ว 3 สัปดาห์ นับตั้งแต่ 26 เม.ย.64
โดยล่าสุด ยอดการให้ความช่วยเหลือจากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูฯ มีทั้งสิ้น 16,060 ล้านบาท ครอบคลุมลูกหนี้ 6,697 ราย โดยส่วนใหญ่กว่า 60% จะกระจายลงไปยัง SMEs ขนาดเล็ก ที่ได้รับวงเงินอนุมัติเฉลี่ยต่ำกว่ารายละ 5 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ขณะที่โครงการพักทรัพย์พักหนี้ มีจำนวนลูกหนี้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 4 ราย มูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับโอนมากกว่า 700 ล้านบาท
นายรณดล กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา การดำเนินมาตรการอาจยังไม่ทันต่อความคาดหวังของผู้ประกอบธุรกิจ ส่วนหนึ่งเกิดจากแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยังซบเซา เนื่องจากมาตรการด้านสาธารณสุขที่ยังเข้มงวด เพราะการแพร่ระบาดระลอก 3 ทำให้ความต้องการสำหรับสินเชื่อฟื้นฟูอาจยังไม่มากนัก ประกอบกับโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ เป็นโครงการที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ อีกทั้งยังคงมีรายละเอียดและเงื่อนไขเฉพาะกรณีที่สถาบันการเงินและลูกหนี้จะต้องเจรจาหารือเพิ่มเติม ทำให้การให้ความช่วยเหลือในช่วงต้นจึงอาจจะยังไม่สูงนัก
อย่างไรก็ดี มีข้อมูลจากสมาคมโรงแรมที่พบว่า มีลูกหนี้จำนวนมากที่ให้ความสนใจเข้าร่วมในโครงการพักทรัพย์พักหนี้ แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ คาดว่าจะได้ทยอยยื่นความประสงค์เข้ามาเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
“โครงการสินเชื่อฟื้นฟูฯ เป็นโครงการที่เราคาดหวังว่าจะช่วยเหลือธุรกิจ SMEs ทั้งในรูปแบบของเยียวยา ฟื้นฟู เพื่อจะเตรียมพร้อมจะกลับมาเปิดกิจการ รวมถึงการปรับปรุงธุรกิจต่างๆ เพื่อรองรับโลกยุคหลังโควิด ในช่วงแรกเราอยากเห็นความช่วยเหลือของสถาบันการเงินไปสู่ SME ที่ต้องการสภาพคล่องเพื่อประคับประคองกิจการ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง เพราะการระบาดรอบที่ 3 มีผลกระทบต่อลูกหนี้ SME ในวงกว้าง ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องการสภาพคล่องเพื่อมาเยียวยาในช่วงนี้ ส่วนโครงการพักทรัพย์พักหนี้ เป็นโครงการใหม่ที่เพิ่งเริ่มขึ้น มีรายละเอียดเยอะ อาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่สถาบันการเงินและลูกหนี้ จะมีข้อสรุปร่วมกัน” นายรณดลกล่าว
พร้อมระบุว่า ยังมีลูกหนี้ SMEs อีกจำนวนหนึ่งที่ได้รับความเดือดร้อน และยังไม่ได้รับความช่วยเหลือเพื่อนำสินเชื่อฟื้นฟูไปเป็นสภาพคล่องเยียวยากิจการ ธปท. จึงขอให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือถูกกลุ่มเป้าหมายทั่วถึงและทันเวลา สำหรับประคับประคองกิจการที่ถูกซ้ำเติมในการระบาดระลอก 3 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย แล้วจึงค่อยทยอยปรับสู่การให้สินเชื่อที่มีขนาดวงเงินต่อรายที่เพิ่มขึ้นและระยะเวลาที่ยาวขึ้น
นายรณดล กล่าวว่า ธปท. และสมาคมธนาคารไทย ตระหนักถึงปัญหาและความเร่งด่วนที่ต้องช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมมากที่สุด โดยเฉพาะลูกหนี้ SMEs ขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่ยังพอมีศักยภาพและต้องการสภาพคล่องไปประคับประคองกิจการที่ได้รับผลกระทบซ้ำเติมจากการระบาดระลอกนี้ ในการนี้ ธปท. ได้ให้สถาบันการเงินเร่งรัดกระบวนการพิจารณา และหาข้อสรุปกับลูกหนี้โดยเร็ว รวมถึงสื่อสารทำความเข้าใจกับพนักงานสาขาในการให้ข้อมูลกับผู้ประกอบการ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว เพียงพอ และตรงจุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ค. 64)
Tags: SMEs, ธนาคารแห่งประเทศไทย, มาตรการพักหนี้, รณดล นุ่มนนท์, สมาคมธนาคารไทย, สินเชื่อฟื้นฟู