น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการเราชนะว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค.64 กระทรวงการคลังได้ตรวจพบธุรกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการ จึงได้ทำการระงับสิทธิ์ชั่วคราวการเข้าร่วมโครงการของผู้ประกอบการ 7 รายเพิ่มเติม จากที่ได้มีการระงับสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการฯ ของผู้ประกอบการแล้ว 2,905 ราย เนื่องจากตรวจพบธุรกรรมที่เข้าข่ายมีความผิดปกติ หรือเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของโครงการเราชนะ เช่น การรับแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด เป็นต้น
กระทรวงการคลัง ขอความร่วมมือประชาชนในการแจ้งเบาะแสของผู้ประกอบการที่มีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว และขอเรียนว่า กระทรวงการคลังจะเข้มงวดในการติดตามตรวจสอบประชาชน และผู้ประกอบการ ที่กระทำการเข้าข่ายผิดหลักเกณฑ์ หรือเงื่อนไขของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
“ขอความร่วมมือจากประชาชน และผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของกระทรวงการคลัง ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขของแต่ละโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เสียสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการ หรือมาตรการอื่นของรัฐในอนาคต และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย”
น.ส.กุลยากล่าว
สำหรับผู้ประกอบการที่ถูกระงับสิทธิชั่วคราวการเข้าร่วมโครงการในวันที่ 20 พ.ค. 64 จำนวน 7 ราย ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงมายังสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (โครงการเราชนะ) ภายในวันที่ 4 มิ.ย. 64 ตามข้อความแนะนำที่ปรากฏขึ้นในแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” หากพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว กระทรวงการคลัง จะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ว่าด้วยวิธีการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการเราชนะต่อไป
โฆษกกระทรวงการคลัง ยังกล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 20 พ.ค. 64 มีรายละเอียดดังนี้
1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 64 เป็นต้นมา จำนวน 73,965 ล้านบาท
2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น และยืนยันการใช้สิทธิร่วมโครงการเราชนะแล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิสะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 64 เป็นต้นมา จำนวน 116,315 ล้านบาท
3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.4 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.64 เป็นต้นมา จำนวน 15,707 ล้านบาท
ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิในโครงการเราชนะแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.9 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 205,987 ล้านบาท และมีผู้ได้รับสิทธิในโครงการฯ ที่ใช้จ่ายจนครบวงเงินสิทธิเดิม 7,000 บาทแล้ว จำนวน 25.6 ล้านคน ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการเราชนะ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 64)
Tags: กระทรวงการคลัง, กุลยา ตันติเตมิท, สศค., สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, เราชนะ