นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอส พี วี ไอ (SPVI) เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 2/64 คาดว่าจะเติบโตจากไตรมาส 2/63 โดยความต้องการสินค้าไอทีเพื่อรองรับ Work From Home (WFH) และ Learn From Home (LFH) เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการทำการตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าคงต่ำกว่าไตรมาส 1/64 เนื่องจากในไตรมาส 2 ของทุกๆ ปียอดขายจะชะลอลง
ส่วนแผนการขยายสาขาในปี 64 วางแผนไว้ทั้งหมด 10 สาขา โดยในไตรมาส 1/64 เปิดสาขาใหม่แล้ว 2 สาขา คือ iCenter ที่จังหวัดภูเก็ต และ A-Store ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ส่วนในไตรมาส 2/64 ในวันที่ 1 พ.ค.ได้เปิด AIS Shop สาขาที่โรบินสัน อ.แม่สอด จ.ตาก และ iCenter ที่โรบินสัน จ.จันทบุรีแล้ว สำหรับร้าน AIS Telewiz ที่ชลบุรี จะเปิดในเดือน มิ.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายสาขาในไปปไลน์ที่บริษัทวางแผนจะเปิดทำการภายในปีนี้ แต่ยังต้องชะลอไว้ก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มีการเลื่อนเปิดเทอมออกไป แม้ว่าร้านต่างๆ ได้ตกแต่งเรียบร้อยแล้ว ทั้ง A-store ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่, A-store มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, A-store มหาวิทยาลัยเกษตร ศรีราชา, A-store มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สุรนารี, U-store มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม และ U-store มหาวิทยาลัยเกษตร ศรีราชา
ด้านการตลาดออนไลน์ของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี โดยเฉพาะช่องทาง Chat & Shop อย่างเฟซบุ๊ก, ไลน์, อินสตาแกรม, ทวิตเตอร์ และติ๊กต็อก ส่วนช่องทาง e-Commerce ถือว่าเป็นช่องทางที่ค่อนข้างใหม่และยังคงมีการปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในปีนี้มีสินค้าใหม่จาก Apple มากมาย ทั้งมีการเปลี่ยน intel เป็น Ship x1, iPad Pro มีการเปลี่ยนไปใช้ชิปแบบซีพียู นอกจากนี้ยังมีสินค้าใหม่ทั้ง iMac และ iPad Pro ที่มีดีมานด์สินค้าค่อนข้างสูง และสินค้าใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Air tag, Apple TV และ iPhone สีม่วง สำหรับปัญหาชิปขาดแคลน ทาง Apple ได้หันมาใช้ชิปของบริษัท Apple เองแล้ว จึงไม่น่าจะเกิดปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อบริษัท
สำหรับผลประกอบการของไตรมาส 1/64 มีรายได้ 1,387 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาส 1 ของปีที่ผ่านๆ มา แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/63 ลดลงเล็กน้อยจาก 1,484 ล้านบาท และบริษัทมีกำไรสุทธิ 33.82 ล้านบาท เติบโต 179% จากไตรมาส 1/63 เกิดจากกระแสของไอโฟนและไอแพดรุ่นใหม่ที่ยังคงขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปิดตัวของไอโฟน 12 ประกอบกับการกระจายสินค้าที่มีความครอบคลุมมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 ถือว่ามีการเติบโตค่อนข้างมาก อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ลดลงมาอยู่ที่ 9.79% จากไตรมาส 1/63 ที่ 12.39% จาก Product Mix แต่อัตรากำไรสุทธิเติบโตมาที่ 2.44% จากในช่วงไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 1.62% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายและยอดขายที่มีการเติบโตสูง
จากในช่วงปลายปี 63 ที่บริษัทมีปัญหาเรื่องการขาดแคลนสินค้าและชิป ปีนี้บริษัทจึงจำเป็นต้องรักษาระดับสินค้าในคลัง โดยในไตรมาส 1/64 มีสินค้าในสต็อกมูลค่า 458.43 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทจึงมีสินค้าเพียงพอในการขายผ่านช่องทางต่างๆ ถึงแม้บางชนิดอาจขาดสต็อกไปบ้าง แต่จะเป็นช่วงระยะสั้น ๆ เท่านั้น ถึงแม้ในไตรมาส 1/64 ยอดของลูกค้าที่ Walk in มีจำนวนน้อย แต่ยอดขายกลับเติบโตขึ้น เนื่องจากลูกค้าที่ Walk in ซื้อสินค้าแน่นอน เพราะเช็คสต็อกไปก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 64)
Tags: SPVI, หุ้นไทย, เอส พี วี ไอ, ไตรสรณ์ วรญาณโกศล