นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สากล เอนเนอยี (SKE) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้บริษัท โดยล่าสุดที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2564 ได้อนุมัติให้ SKE เข้าซื้อกิจการ บริษัท เอ็น15 เทคโนโลยี จำกัด (N15) เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจทางด้านพลังงานสะอาด โดยจะเข้าลงนามสัญญารับโอนกิจการทั้งหมดในวันที่ 1 มิ.ย. 64 และเริ่มรับรู้รายได้ทันที
ไตรมาส 1/64 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิงมีรายได้จากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 77.05 ล้านบาท คิดเป็น 63.9% ของรายได้รวม ธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนมีรายได้ 41.81 ล้านบาท คิดเป็น 34.7% ธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัดมีรายได้จากการขายก๊าซไบโอมีเทนอัดให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม 1.00 ล้านบาท คิดเป็น 0.8% และรายได้อื่นๆ 0.70 ล้านบาท คิดเป็น 0.6%
โดยจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ของประเทศที่ลดลง รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งปริมาณความต้องการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ โดยสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนพื้นที่ บ้านนา-แก่งคอย จังหวัดสระบุรี ของ SKE เท่ากับ 0 ตันต่อวัน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. เป็นต้นไป โดย SKE ยังมีหน้าที่ในการเตรียมความพร้อมในการอัดก๊าซให้ ปตท. ตลอดเวลา และ ปตท. ยังคงชำระค่าตอบแทนการลงทุน (AP) ให้กับ SKE เป็นรายเดือนในอัตราที่กำหนดในสัญญา ส่งผลให้ SKE มีรายได้รวมในไตรมาส 1 120.56 ล้านบาท ลดลง 0.20 ล้านบาท คิดเป็น 0.2% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ที่มีรายได้รวม 120.76 ล้านบาท
ขณะที่กำไรไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 6.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 4.03 ล้านบาท คิดเป็น 139.4% โดยเป็นผลมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการให้บริการที่ลดลง ซึ่งแปรผันตามรายได้จากการให้บริการที่ลดลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 64)
Tags: N15, SKE, จักรพงส์ สุเมธโชติเมธา, พลังงานสะอาด, สถานีก๊าซธรรมชาติ, สากล เอนเนอยี, หุ้นไทย, เอ็น15 เทคโนโลยี, โรงไฟฟ้าชีวมวล