นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนเม.ย. ไม่ได้ทำให้เฟดมีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตเพิ่มขึ้น พร้อมระบุว่า เฟดจะใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะพิจารณาเรื่องการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 4.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2551 และเป็นตัวเลขที่นายแคลริดามองว่า สูงกว่าที่เขาเองได้คาดการณ์ไว้
ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1 ใน 4 ของตัวเลขที่เจ้าหน้าที่เฟดและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ นายแคลริดาได้กล่าวปาฐกถาในการประชุมซึ่งจัดโดยสมาคม National Association of Business Economics ว่า แม้ข้อมูลเศรษฐกิจเหล่านี้ผิดไปจากที่คาดการณ์ไว้มาก แต่เขาก็ยังคาดว่า การพุ่งขึ้นของราคาผู้บริโภคจะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราว และตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอจะสะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวของการจ้างงานมีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าเฟดมีการตัดสินใจที่ถูกต้องในการคงนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป
“เราไม่ลังเลที่จะดำเนินการเพื่อทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลงหากจำเป็น แต่นี่เป็นข้อมูลด้านหนึ่งเท่านั้น เราเคยพูดเสมอมาว่าเมื่อใดที่มีการเปิดเศรษฐกิจ เมื่อนั้นก็จะทำให้แรงกดดันด้านราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นด้วย” นายแคลริดากล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 64)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, นโยบายการเงิน, ริชาร์ด แคลริดา, เงินเฟ้อ, เฟด