นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ต่อท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้บริหารท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ
“รัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีดังกล่าว โดยเราจะไม่ยอมรับข้อกล่าวหาในเรื่องนี้”
นายเพสคอฟกล่าว
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ยังไม่ได้กล่าวหาว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
“ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แม้มีหลักฐานแสดงว่าผู้ที่ทำการโจมตีได้ดำเนินการอยู่ในรัสเซีย”
ปธน.ไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง หลังจากท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ถูกโจมตีด้วย ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งทำให้การลำเลียงน้ำมันผ่านท่อส่งดังกล่าวต้องหยุดชะงักลง
ท่อส่งน้ำมันโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณ 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 45% ของปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล, น้ำมันเบนซิน และเชื้อเพลิงอากาศยานในฝั่งตะวันออกของสหรัฐ แต่ระบบขนส่งน้ำมันของบริษัทต้องหยุดชะงักลงตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากถูกโจมตีด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นฝีมือของกลุ่มอาชญากรที่มีชื่อว่า ดาร์กไซด์ (DarkSide) ซึ่งจะปฏิบัติการเลียนแบบตัวละครโรบินฮู้ดด้วยการขโมยเงินจากบริษัทต่างๆ และแบ่งให้กับองค์กรการกุศล โดยกลุ่มดาร์กไซด์ เป็นหนึ่งในอาชญากรที่เชี่ยวชาญในการใช้ ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีชาติตะวันตก รวมมูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 64)
Tags: ดมิทรี เพสคอฟ, ท่อส่งน้ำมัน, ทำเนียบเครมลิน, มัลแวร์เรียกค่าไถ่, รัสเซีย, สหรัฐ, โคโลเนียล ไปป์ไลน์, โจ ไบเดน, โจมตีทางไซเบอร์