ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัย 2 แห่งของออสเตรเลียพบว่า ประชาชน 3 ใน 4 หรือ 73% พร้อมสนับสนุนการบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อให้สามารถออกไปทำงาน เรียนหนังสือ และท่องเที่ยวได้ตามปกติ
ผลการสำรวจซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย (UWA) และมหาวิทยาลัยซิดนีย์ได้เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยทำการสอบถามประชาชน 1,200 คน และพบว่า ผู้คนจำนวนมากสนับสนุนการบังคับฉีดวัคซีน เมื่อเทียบกับประชาชน 66% ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยสมัครใจ
นอกจากนี้ ประชาชน 25% ยอมรับว่า พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะฉีดวัคซีนดีหรือไม่ ขณะที่ 70% มีความกังวลว่าวัคซีนถูกพัฒนาเร็วเกินไป และมีเพียง 9% ที่ปฏิเสธการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ผู้สูงอายุและผู้ที่ร่ำรวยมีแนวโน้มที่จะยินดีฉีดวัคซีนกันมากขึ้น
นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังชี้ว่า ผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้กับพรรคการเมืองใหญ่มีแนวโน้มที่จะฉีดวัคซีนมากกว่าผู้ที่ลงคะแนนเสียงให้กับพรรคเล็กอย่างมีนัยสำคัญ
เคที แอทท์เวลล์ หัวหน้านักวิจัยจากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลียกล่าวว่า “เห็นได้ชัดเจนว่ามีการสนับสนุนการบังคับฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง ซึ่งเกี่ยวข้องกับนัยทางการเมือง ขณะที่มีผู้ไม่เห็นด้วยเพียงเล็กน้อย ซึ่งตีความได้ว่า ผลการสำรวจดังกล่าวอาจเชื่อมโยงกับความรู้สึกของประชาชนที่ไม่พอใจพรรคการเมืองที่จัดตั้งรัฐบาล”
“ประชาชนเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 มากขึ้น รวมถึงประโยชน์ของการบังคับฉีดวัคซีนที่จะช่วยคงอัตราการแพร่เชื้อโควิด-19 ในออสเตรเลียให้อยู่ในระดับต่ำ” แอทท์เวลล์กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 64)
Tags: COVID-19, ผลการสำรวจ, วัคซีนต้านโควิด-19, ออสเตรเลีย, เคที แอทท์เวลล์, โควิด-19