ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน เปิดเผยในรายงานประจำสัปดาห์ว่า จีนพบผู้ติดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย (B.1.617) แล้วในบางเมือง โดยเคสที่ระบุในรายงานนั้นเป็นชายชาวจีน 3 ราย ซึ่งขึ้นเครื่องบินจากอินเดีย แวะพักที่เนปาล 2 วัน ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้าเมืองฉงชิ่งของจีนเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ชายชาวจีนกลุ่มนี้ทำงานด้วยกันที่บริษัทมือถือแห่งหนึ่งในเมืองนอยดา ประเทศอินเดีย โดยมีอายุระหว่าง 20-30 ปี และคาดว่าน่าจะติดเชื้อมาตั้งแต่อยู่ที่อินเดีย
ขณะที่ทั้งสามอยู่ในอินเดียนั้น พวกเขาได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 หลายครั้ง ซึ่งผลตรวจออกมาเป็นลบทั้งหมด ก่อนที่จะเดินทางออกจากอินเดียเพื่อกลับจีน โดยขณะเดินทางกลับนั้นพวกเขาสวมชุดป้องกัน ใส่หน้ากากอนามัย แว่นตา และถุงมือ
อย่างไรก็ดี ทั้งสามมีผลตรวจเป็นบวกเมื่อเดินทางถึงเมืองฉงชิ่ง ส่งผลให้ต้องย้ายไปรักษาต่อในโรงพยาบาลที่รัฐจัดหาให้ จากนั้นทางการจีนได้นำเชื้อไวรัสไปตรวจในวันที่ 28 และ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา จนพบว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ B.1.617 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในอินเดีย
ทั้งนี้ ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีนคาดว่า น่าจะมีผู้ติดไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวหลุดรอดเข้าจีนมากขึ้น แต่ก็มั่นใจว่าจะไม่แพร่ระบาดอย่างหนักเพราะจีนมีมาตรการควบคุมป้องกันอย่างเข้มงวด
ล่าสุด องค์การอนามัยโลก (WHO) ยกให้ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย (B.1.617) เป็นไวรัส “สายพันธุ์ที่สร้างความวิตกกังวล” ซึ่งบ่งชี้ว่าไวรัสดังกล่าวได้กลายเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพในระดับโลก
WHO ระบุว่าไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียมีการแพร่ระบาดรวดเร็วกว่าไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม และมีหลักฐานแสดงว่าไวรัสดังกล่าวสามารถหลบเลี่ยงวัคซีน
ก่อนหน้านี้ WHO จัดชั้นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียว่าเป็นไวรัส “สายพันธุ์ที่น่าสนใจ” เนื่องจากจำเป็นต้องมีการศึกษามากขึ้นเพื่อให้เข้าใจไวรัสดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ WHO ได้ระบุถึงไวรัสโควิด-19 จำนวน 3 สายพันธุ์ก่อนหน้านี้ ได้แก่ ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ (B.1.1.7), ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) และไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์บราซิล (P.1)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 64)
Tags: COVID-19, WHO, จีน, องค์การอนามัยโลก, โควิด-19, โควิดกลายพันธุ์, โควิดสายพันธุ์อินเดีย