นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ย่อลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดภูมิภาคเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดสหรัฐฯ กังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯสูงขึ้นทั้งที่เศรษฐกิจยังไม่ดีมากนัก ดัน Bond yield สูงขึ้นส่งผลให้มีแรงขายกลุ่มเทคโนโลยีกดดัน Nasdaq ร่วงแรง 2.55% กระทบตลาดเอเชียเช้านี้ด้วย ส่วนบ้านเรา ต่างชาติ-กองทุนในประเทศขายสุทธิวานนี้เมื่อดัชนีฯใกล้ 1,590 ช่วงเฝ้าติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ-เกาะติดงบฯ-MSCI ปรับน้ำหนักหุ้นไทย ให้แนวรับ 1,580-1,575 แนวต้าน 1,596-1,600 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะย่อตัวตามตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียปรับตัวลงกันเช้านี้เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ จากความกังวลตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯสูงขึ้นขณะที่การเติบโตของเศรษฐกิจยังไม่ได้ดีมากนัก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯปรับขึ้น จึงมีแรงขายหุ้นออกมา นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี ส่งผลดัชนี Nasdaq ร่วงแรง 2.55% ฉุดตลาดหุ้นญี่ปุ่นและตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับลงมากไปด้วย เพราะมีหุ้นในกลุ่มเทคโนโยลีอยู่จำนวนมาก ขณะที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์และตลาดหุ้นมาเลเซียปรับลงเล็กน้อย
ส่วนตลาดบ้านเราอาจได้รับแรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศขายสุทธิออกมาพร้อมกันวานนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อดัชนีฯเข้าใกล้ระดับ 1,590 จุด นักลงทุนก็จะเลือกขายทำกำไรออกมาก่อน เพราะยังมีหลายปัจจัยต้องติดตาม ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศ และการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนช่วงโค้งสุดท้ายสัปดาห์นี้ รวมถึงการปรับน้ำหนักลงทุนหุ้นไทยของ MSCI วันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังสามารถเล่นเก็งกำไรได้จากการอิงผลประกอบการที่ออกมาดี พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,575 จุด ส่วนแนวต้าน 1,596-1,600 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,742.82 จุด ลดลง 34.94 จุด (-0.10%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,188.43 จุด ลดลง 44.17 จุด (-1.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,401.86 จุด ลดลง 350.38 จุด (-2.55%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 21.39 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 279.78 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 309.1 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 พ.ค.) 1,588.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด (+0.20%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,145.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 พ.ค.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 พ.ค.) ปิด 64.92 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ หรือ 0.03%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 พ.ค.) อยู่ที่ 2.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.09 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดรอปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 31.00-31.20
- คลังชง ครม.อีกรอบวันนี้ ดัน “การบินไทย” เป็นรัฐวิสาหกิจ หวังทันเส้นตายประชุมเจ้าหนี้ 12 พ.ค.นี้ เล็งชงเพิ่ม ผู้บริหารแผน “ไกรสร-ศิริ-พรชัย” ด้าน “คมนาคม” ค้านอุ้มการบินไทย ชี้ขัดมติ ครม.เดิม “ศักดิ์สยาม” ย้ำไม่สนับสนุนเพิ่มเงินหรือค้ำประกันกู้
- กทพ.เปิด TOR ทางด่วน “พระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตก” ประมูลรวดเดียว 2 สัญญา วงเงิน 1.47 หมื่นล้าน คาดขายซองเดือน มิ.ย. พร้อมปรับราคากลางขึ้น 4% หลังต้นทุนเหล็ก ปูนขยับ แต่ลดระยะเวลาสร้างเหลือ 34 เดือน และกำหนดคุณสมบัติละเอียดยิบ แก้ปมร้องเรียน
- นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนเมษายน 2564 อยู่ที่ระดับ 84.3 ปรับตัวลดลงจากระดับ 87.3 ในเดือนมีนาคม 2564 และถือว่าปรับตัวต่ำสุดในรอบ 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 โดยค่าดัชนีฯปรับตัวลดลงทุกขนาดอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค โดยเป็นผลมาจากในเดือนเมษายนยังมีวันทำงานน้อยเนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทำให้ภาคการผลิตส่วนใหญ่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า รวมถึง การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่รุนแรงขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ และมีผู้ติดเชื้อทะลุ 1,000 ราย/วัน
- ธุรกิจร้านอาหาร มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท กระเทือนหนัก หลังสาขาพื้นที่สีแดง รัฐขยายเวลาห้ามนั่งรับประทานในร้านถึง 17 พ.ค.นี้ ซ้ำเติมภาวะเลือดไหล วอนเห็นมาตรการเยียวยารัฐถึงมือผู้ประกอบการ ธุรกิจดิลิเวอรีลดค่าบริการ แลนด์ลอร์ดลดค่าเช่าพื้นที่ ต่อลมหายใจ หวังแผนเปิดประเทศ ก.ค. ดึงกำลังซื้อต่างชาติชดเชยตลาดในประเทศ
หุ้นเด่นวันนี้
- WINMED (บมจ.วินเนอร์ยี่ เมดิคอล)เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคาขาย IPO ที่ 3.10 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส (เป็น Lead Underwriter) ประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.50 บาท คาดกำไรปี 64-66 โตเฉลี่ย 68% CAGR ตาม Mega Trend และสินค้านวัตกรรมใหม่ที่นำเข้ามาจำหน่ายโดยเฉพาะเครื่องคัดแยก Stem Cell โดยบริษัทฯเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเครื่องและชุดอุปกรณ์ทางการแพทย์ ลูกค้าหลักเป็นกลุ่มโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทนำเข้า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ตรวจหามะเร็งปากมดลูก ผลิตภัณฑ์ตรวจภาวะดาวน์ซินโดรม ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับธนาคารโลหิต
- SSP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้าสูงสุด Consensus 20 บาท Q1/64 คาดกำไรสุทธิฟื้นตัว qoq ตามความเข้มแสงที่เพิ่มขึ้น และกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 2Q21 จาก high season Q3/64 รับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้า Leo เฟส 1 ญี่ปุ่น 20MW และ Q4/64 รับรู้กำไรเพิ่มจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม 48 MW
- TU (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 22 บาท กำไรสุทธิ Q1/64 +24% Q-Q, +78% Y-Y ส่วนกำไรปกติ +13% Q-Q, +40% Y-Y ดีกว่าคาดมากและเป็นผลจาก Operation ที่แข็งแกร่งทั้งรายได้ที่โตดีกว่าคาด รวมถึง Margin ที่เพิ่มขึ้นและสูงกว่าคาด โดยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 64-65 เป็น +4% Y-Y และ +5% Y-Y ตามลำดับ
- NER (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 6.70 บาท คาดรายได้ปีนี้เติบโตโดดเด่น หลังประมูลยางของ กยท. กว่าแสนตัน ทยอยบันทึกตลอดปี ส่วนข่าวการฟ้องร้องคาดเป็น Noise ช่วงสั้น และมี Upside ของปริมาณการขายยาง จากข้อตกลงที่จะได้หลัง NER ชนะการประมูลยางล็อตเก่าของ กยท. โดยบริษัทมีสิทธิซื้อยาง จากเกษตรกรเพิ่มในช่วงที่เหลือของปี ขณะเดียวกันจับตาดูธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสทำในช่วง H2/64 พร้อมประเมินกำไรสุทธิ ปี 64-65 ที่ 1.43 พันลบ. และ 1.7 พัน ลบ. +67%YoY และ +20%YoY ในปี 65 ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 64)
Tags: SET, SET Index, กิติชาญ ศิริสุขอาชา, ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย