พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ร่วมกับคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย คณะแพทย์จากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยฯ พล.อ.ต.นพ.สันติ ศรีเสริมโภค รองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครขณะนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการปฏิบัติที่เข้มข้นมากกว่าปกติ กรุงเทพมหานครจึงได้เตรียมพร้อมยาฟาวิพิราเวียร์กว่า 600,000 เม็ด เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง
โดยในที่ประชุมได้ร่วมกันหารือแนวทางการใช้ยาเพื่อให้เกิดประสิทธิผลและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และเห็นร่วมกันว่า การให้ยาฟาวิพิราเวียร์แก่ผู้ป่วยเร็ว จะมีผลดีต่อผู้ป่วยมากกว่าการให้ยาช้า รวมทั้งเห็นว่าแนวทางปฏิบัติเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นแนวทางหลักที่ต้องถือปฏิบัติตาม อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครจะกำหนดมาตรการเสริมเพิ่มเติม อาทิ การเร่งตรวจหาผู้ป่วยเชิงรุกอย่างเข้มข้น จากนั้นจะคัดกรองผู้ป่วยตามระดับอาการป่วยแบ่งเป็นสีเขียว เหลือง และแดง และนำส่งต่อระบบการรักษาพยาบาล
ในส่วนของผู้ป่วยที่อยู่ระดับสีเขียว คือไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย รวมทั้งไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงของโรค จะได้รับการรักษาและติดตามอาการตามที่ กทม.กำหนด คือการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงของโรค โดยเป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวบางส่วนเท่านั้นที่จะได้รับการรักษาด้วยยาฟาวิพิราเวียร์ คือ ต้องอยู่ในเกณฑ์ตามการประเมินของแพทย์ที่กรุงเทพมหานคร อาทิ เป็นผู้ป่วยที่มีปริมาณไวรัสในร่างกายมากกว่าผู้อื่น และเสี่ยงต่อการลุกลามของโรค ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้ หากได้รับยาตั้งแต่แรกได้และรักษาต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5-10 วัน จะช่วยรักษาไม่ให้กลายเป็นผู้ป่วยระดับสีเหลืองหรือสีแดงในอนาคตได้ อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่สุดคือ กลุ่มผู้ป่วยสีเขียวนี้ต้องให้ความยินยอมในการรักษาด้วย
ทั้งนี้ กทม. จะจัดให้มีระบบการจัดเก็บข้อมูลจากการรักษา รวมทั้งมีมาตรการป้องกันผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรักษาที่เพื่อปกป้องผู้ที่เข้าร่วมการรักษา และต้องมีการประเมินผลว่า การดำเนินตามนี้จะมีผลดีต่อการรักษาด้วยยาอย่างไร หรือจะมีผลทำให้เกิดเชื้อดื้อยาในอนาคตหรือไม่ ซึ่งการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ครั้งนี้ จะเป็นไปภายใต้การควบคุมของแพทย์ มีการใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล มีระบบการติดตามผลและประเมิน ซึ่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะร่วมให้คำแนะนำในการศึกษา ติดตามและประเมินผลครั้งนี้ด้วย และหากพบว่าการรักษาตามที่กทม.กำหนดครั้งนี้เกิดประโยชน์ อาจนำไปเพิ่มเติมในคำแนะนำในการดูแลรักษาระดับประเทศต่อไปในอนาคตได้
สำหรับในปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีผู้ป่วยสะสมในพื้นที่ 1,478 ราย ในระดับสีเขียว คืออาการเพียงเล็กน้อย 1,241 ราย ระดับสีเหลือง 199 ราย และระดับสีแดง 38 รายที่ยังไม่ได้รับยา ซึ่งจะได้รับยาต่อเมื่อเลื่อนระดับอาการเป็นสีเหลืองและแดง คือมีปอดอักเสบ และอาการรุนแรง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 64)
Tags: COVID-19, Favipiravir, นิธิพัฒน์ เจียรกุล, ยาฟาวิพิราเวียร์, อัศวิน ขวัญเมือง, โควิด-19