
รัฐบาลเวียดนามบังคับใช้มาตรการควบคุมการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างเข้มงวด หลังจากได้สั่งเพิ่มระยะเวลาการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรค เนื่องจากพบการติดเชื้อโควิด-19 ในหมู่ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
เว็บไซต์ของรัฐบาลระบุว่า นายวู ดุค แดม รองนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้สั่งการระหว่างการประชุมคณะทำงานด้านโควิด-19 ให้มีการตรวจสอบที่เข้มงวดในหมู่ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ นอกจากนี้ จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ในแต่ละเขตและตามที่พักอาศัย รวมถึงตรวจสอบบริษัทต่างๆ ที่มีแรงงานต่างชาติเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย
นายแดมกล่าวว่า รัฐบาลกำลังเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มว่าจะมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึง 30,000 ราย พร้อมกับระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องรับมือ ไม่ใช่แค่คาดการณ์ และยังมีรายงานถึงสถานที่หลายแห่งว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังโรคอย่างเคร่งครัด จนทำให้มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
ทางด้านนายเหงียน ธันห์ รัฐมนตรีสาธารณสุขเวียดนามระบุว่า “สถานการณ์โควิด-19 ในขณะนี้น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง โดยมีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยทั้งจากผู้ที่เข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย ผิดกฎหมาย และประชาชนในประเทศที่การ์ดตก” ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามยังระบุว่า พบผู้ป่วย 3 รายที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดียเป็นครั้งแรกในจังหวัดหวิญฟุก
ทั้งนี้ กรุงฮานอยได้สั่งปิดโรงเรียน, สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารริมทาง นอกจากนี้ ยังมีการสั่งปิดโรงภาพยนตร์, โรงยิม และร้านสปาทั้งในกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์
ข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า แม้เวียดนามมีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ต่ำสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อัตราการฉีดวัคซีนนั้นยังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค
กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า นับจนถึงวันที่ 4 พ.ค. เวียดนามมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 2,996 ราย และเสียชีวิต 35 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าว มีผู้ติดเชื้อในประเทศ 37 รายนับตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 64)
Tags: COVID-19, วู ดุค แดม, เวียดนาม, เหงียน ธันห์, โควิด-19