บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) (DITTO) ผู้ให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจร (Document & Data Management Solutions) เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 80 ล้านหุ้น กำหนดราคาเสนอขาย 7.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 28.85 เท่า คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 6 พ.ค.นี้
นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DITTO ให้สัมภาษณ์กับ “อินโฟเควสท์” ว่า บริษัทประกอบธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก คือ ธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 39% ของรายได้รวม โดยให้บริการรับบริหารระบบงาน (Business Process Outsourcing:BPO) เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล เป็นตัวแทนจำหน่ายระบบบริหารจัดการเอกสาร (Document Management Solutions) ให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ให้บริการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลด้วยระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานของลูกค้า โดยล่าสุด บริษัทฯได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูล รวมถึงพัฒนาบุคลากรด้านไอทีเพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพและเปิดโอกาสให้เข้าร่วมงานกับบริษัทฯ
ต่อมาเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ภายใต้บริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงการวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่างๆ สัดส่วนรายได้ 30.70% ของรายได้รวม มุ่งเน้นโครงการที่มีเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม (Innovation) และเทคโนโลยีเฉพาะทาง ได้แก่ บริการทางวิศวกรรม ออกแบบ จัดหาและติดตั้งระบบท้องฟ้าจำลอง และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเป็นระบบฉายภาพที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษ การให้บริการออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบโทรมาตร (SCADA) สำหรับการชลประทาน เช่น ระบบตรวจวัดสภาพน้ำทางไกลอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า เป็นต้น ให้บริการงานระบบเทคโนโลยีภายในอาคาร และโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยี
และสุดท้ายเป็นธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีอื่นๆ สัดส่วนรายได้ 30.30% ของรายได้รวม ครอบคลุมบริการให้เช่าและบำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสารแก่หน่วยงานราชการและเอกชน จำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ จอ LED อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย ฯลฯ นอกจากนี้ในปี 2561 ได้ขยายธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์และระบบไดร์ฟทรูแบรนด์ HME หนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของโลก และขยายธุรกิจระบบจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน (Point of Sales หรือ POS)
“หากย้อนไปช่วงก่อนหน้านี้ลูกค้าส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับเราคือเป็นผู้ให้บริการเช่าเครื่องถ่ายเอกสารและมีบริการทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปอย่างมาก โดยมีธุรกิจออกแบบพัฒนาซอฟต์แวร์และจัดการเอกสารและข้อมูลเพื่อให้องค์กรและหน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ
ปัจจุบันระบบการจัดเก็บข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ เป็นรูปแบบเอกสารกระดาษ แต่ละองค์กรจะมีปริมาณการจัดเก็บเป็นจำนวนมหาศาล บริษัทได้ออกแบบระบบการจัดเก็บเอกสารและข้อมูลตั้งแต่การนำเข้าเอกสารหรือข้อมูลไปจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้องค์กรและหน่วยงานต่างๆ สามารถนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ประหยัดทรัพยากร และมีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
ขณะนี้ยังมีองค์กรจำนวนมากที่ยังมีการเก็บข้อมูลเป็นเอกสารรูปแบบของกระดาษ บริษัทมีเป้าหมายเปลี่ยนโฉมการเก็บเอกสารสำคัญเข้าสู่ระบบดิจิทัล ดังนั้น การออกแบบระบบจัดเก็บและบริหารจัดการเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ตอบโจทย์การทำงานแบบ Digital Workplace ซึ่งเป็นเทรนด์การทำงานในอนาคต”
นายฐกร กล่าว
ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (61-63) ภาพรวมมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 422.3 ล้านบาท 773.0 ล้านบาท 986.3 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย 52.8% ขณะที่มีกำไรสุทธิเติบโตมากกว่ารายได้ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 13.4 ล้านบาท 56.3 ล้านบาท และ 114.2 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 192.3% ส่วนหนึ่งเกิดจากความต้องการกลุ่มธุรกิจแรกลูกค้าให้การตอบรับเป็นอย่างดีและตลอดหลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนระบบบริหารจัดการไปหมดแล้ว ส่งผลให้เมื่อรายได้เติบโตจากการใช้บริการของลูกค้าบริษัทไม่จำเป็นต้องลงทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา
แผนการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะใช้เงินลงทุนขยายเครือข่ายจัดตั้งศูนย์กระจายการให้บริการอีก 9 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เพื่อกระจายทีมงานและเพิ่มศักยภาพการให้บริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น พร้อมทั้งวางแผนลงทุนพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสาร เพื่อให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) ที่ให้บริการบนระบบคลาวด์และสามารถเข้าถึงเอกสารที่จัดเก็บจากที่ใดก็ได้ที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ต
“บริษัทมีการให้บริการลูกค้ากระจายหลายจังหวัด ภายหลังจากการระดมทุนแล้วเราจะกระจายการให้บริการลูกค้าครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อตอบรับความต้องการในตลาดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้การเติบโตในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ”
นายฐกร กล่าว
นายศิต ตันศิริ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวกับ “อินโฟเควสท์” ว่า DITTO มีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 44 ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่เป็นหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชนต่างๆหลายอุตสาหกรรม อาทิ ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ สถาบันการเงินชั้นนำ ฯลฯ ที่ต้องการพัฒนาระบบจัดการข้อมูลจากเอกสารสู่รูปแบบดิจิทัลรองรับการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัล จึงเชื่อว่าธุรกิจของ DITTO จะได้รับประโยชน์จากยุค New Economy ขณะที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องและไม่ได้พึ่งพารายได้จากธุรกิจกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เชื่อมั่นว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 64)
Tags: Big Data, DITTO, IPO, mai, ฐกร รัตนกมลพร, ดิทโต้, ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ, ศิต ตันศิริ, หุ้นเทคโนโลยี, หุ้นไทย, หุ้นไอพีโอ, เซจแคปปิตอล