นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังมอบยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เพื่อนำไปใช้สำหรับผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่ระบาดทุกจังหวัดว่า จากการศึกษาวิจัยพบว่า สมุนไพรฟ้าทะลายโจร มีผลยับยั้งเชื้อไวรัส และมีฤทธิ์ต้านการเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส เมื่อนำมาใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีระดับความรุนแรงน้อย (ไม่มีภาวะปอดอักเสบ) ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการที่ดีขึ้นและแทบไม่พบผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
ดังนั้น รัฐบาลได้มอบให้กรมการแพทย์แผนไทยนำสมุนไพรฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ 20 มิลลิกรัมต่อแคปซูล จำนวน 6 แสนแคปซูลส่งให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ พร้อมใช้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อย ร่วมกับการรักษาการแพทย์แผนปัจจุบันได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 ราย
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ.รณสุข กล่าวว่า สมุนไพรเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับการยอมรับและพร้อมนำไปช่วยในการรักษาควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน ที่ผ่านมาได้มอบหมายให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ดำเนินการศึกษานำร่อง ผลของยาสารสกัดฟ้าทะลายโจรขนาดสูงต่อผู้ป่วยโรคโควิด-19 หลังจากการวิจัยในหลอดทดลองพบมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสได้
ต่อมาจึงได้ร่วมกับโรงพยาบาลสมุทรปราการขยายผลต่อยอดงานวิจัยในผู้ป่วยเพื่อกำหนดขนาดการใช้ และความปลอดภัย ผลการศึกษาเบื้องต้นในผู้ป่วยที่รับประทานสารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ขนาด 180 มิลลิกรัม/วัน ผู้ป่วยทุกรายมีอาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 ของการได้รับสารสกัด และทุกรายไม่มีอาการข้างเคียง มีโอกาสที่จะช่วยให้ลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล และการนำเข้ายาจากต่างประเทศได้
ขณะที่ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ในช่วงการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดของโรคไวรัสโควิด-19 ในช่วงเดือน ธ.ค.63 กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ร่วมมือกับ 9 โรงพยาบาลของรัฐ สังกัดกระทรวงสาธารณสุขใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงน้อย จำนวน 309 คน พบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่คือ 306 รายมีอาการดีขึ้นชัดเจนในห้าวันจนหายดีและไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง โดยมีเพียง 3 ราย หรือ 0.97% ที่อาการแย่ลงและเกิดภาวะปอดบวม ขณะที่ผู้ป่วยอีก 526 ราย ที่ไม่ได้รับฟ้าทลายโจรมีอาการแย่ลงถึง 77 ราย คิดเป็น 14.64%
โดยความแตกต่างดังกล่าวสะท้อนถึงแนวโน้มที่ฟ้าทะลายโจรมีโอกาสเป็นทางเลือกที่ดีมากในการรักษาผู้ป่วยโควิดในระยะเริ่มต้นและอาการไม่รุนแรง ทั้งนี้ยังมีผลการศึกษาจากหน่วยงานต่างๆ ที่มีผลสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับการศึกษานี้ด้วย นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังเป็นสมุนไพรที่ปลูกได้ง่ายมีราคาถูก คือประมาณ 180 บาทเท่านั้นสำหรับการรักษาผู้ป่วยหนึ่งราย
ขณะนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ยังร่วมกับโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และองค์การเภสัชกรรม ในการศึกษาวิจัยทางคลินิกเพิ่มเติม เพื่อยืนยันประสิทธิภาพของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในการร่วมรักษาโรคโควิด-19 โดยได้ออกแบบการศึกษาวิจัยเป็นแบบสุ่ม และมีกลุ่มเปรียบเทียบ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือให้มากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล และส่งต่อตัวอย่างของอาสาสมัครทั้งหมดให้แก่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำเนินการเพาะเลี้ยงเชื้อ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัย และเผยแพร่ความก้าวหน้าของผลการวิจัยต่อไป
ทั้งนี้มีข้อแนะนำวิธีการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโควิด-19 ที่อาการไม่รุนแรง ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง/โรคร่วมสำคัญ ให้ใช้สารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ 60 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน และเย็น (รวม 180 มิลลิกรัมต่อวัน) ติดต่อกันนาน 5 วัน ข้อควรระวัง คือ ผู้ที่มีอาการแพ้ฟ้าทะลายโจร หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร และควรระวังการใช้ยานี้ร่วมกับยาวาร์ฟาริน แอสไพริน โคลพิโดเกรล ยาลดความดันโลหิต และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจมีอาการชาตามมือตามเท้า และมีปัญหากับตับ ไต ได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 เม.ย. 64)
Tags: COVID-19, กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, กระทรวงสาธารณสุข, ฟ้าทะลายโจร, อนุทิน ชาญวีรกูล, อัมพร เบญจพลพิทักษ์, เกียรติภูมิ วงศ์รจิต, โควิด-19