DITTO เคาะขาย IPO 7.5 บาท จองซื้อ 23,26-27 เม.ย.คาดเข้าเทรด mai ต้น พ.ค.

บมจ.ดิทโต้ (ประเทศไทย) (DITTO) กำหนดราคาหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น ที่ 7.50 บาท/หุ้น โดยจะเปิดจองซื้อในวันที่ 23, 26-27 เม.ย.นี้ และคาดเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้ โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น DITTO กล่าวว่า จุดเด่นของ DITTO คือ เป็นผู้ให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูล บริการรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีแบบครบวงจร พร้อมด้วยระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ, มีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในธุรกิจบริหารจัดการเอกสาร และข้อมูลอย่างครบวงจร จากแนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของหน่วยงานต่างๆ, ความหลากหลายในการประกอบธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งโอกาสในการรับรู้รายได้ตามแนวโน้มและการเติบโตของตลาด, รวมถึงมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 10 – 20 ปี

นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DITTO ผู้ให้บริการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลแบบครบวงจร (Document & Data Management Solutions) เปิดเผยว่า จากราคาเสนอขายหุ้นที่ 7.50 บาท/หุ้น บริษัทฯ คาดจะได้รับเงินเข้ามาจำนวน 600 ล้านบาท

บริษัทจะนำเงินประมาณ 219 ล้านบาท ไปลงทุนกระจายศูนย์การให้บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อให้บริการบริหารจัดการเอกสาร และข้อมูลบนระบบ Digital อย่างครบวงจร ตอบโจทย์งานทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ต้องการพัฒนาระบบของทุกศูนย์ทั่วประเทศในเวลาเดียวกัน, ขยายศูนย์ให้บริการอีก 9 แห่ง ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เพื่อกระจายทีมงานและเพิ่มศักยภาพการให้บริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อลดต้นทุนการบริหารจัดการจากส่วนกลางโดยการจ้างงานบุคลากรในพื้นที่

นอกจากนี้ จะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านบาท พัฒนาระบบบริหารจัดการเอกสาร เพื่อให้บริการในรูปแบบ Software as a Service (SaaS) ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงระบบริหารจัดการเอกสารจากที่ใดก็ได้ผ่านระบบคลาวด์ และไม่ต้องลงทุนในซอฟแวร์ หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ โดยจะจับกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ

บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของผลประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง โดยจะรักษาการเติบโตให้สอดคล้องไปกับตลาดการจัดการข้อมูลดิจิทัล ซึ่งจากข้อมูล ฟอร์ท แอนด์ ซัลลิวัน คาดการณ์ขนาดตลาดการจัดการข้อมูลดิจิทัล ในปี 63-68 จะเติบโตเฉลี่ย 75% ต่อปี หรือปี 63 อยู่ 729.1 ล้านบาท และจะเติบโตถึง 11,886.6 ล้านบาทในปี 68 ซึ่งในส่วนนี้แบ่งเป็น ตลาดหน่วยงานภาครัฐ 9,506.40 ล้านบาท, องค์กรขนาดใหญ่ 2,257.30 ล้านบาท และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) 122.90 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มหน่วยงานราชการเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต

ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) ที่ยังไม่ได้ส่งมอบ รวม 447 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร และข้อมูล, ธุรกิจ ให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีอื่นๆ จำนวน 275.38 ล้านบาท และธุรกิจ รับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่างๆ จำนวนรวมราว 172 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (61-63) เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 422.3 ล้านบาท 773.0 ล้านบาท 986.3 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 52.8% และมีกำไรสุทธิ 13.4 ล้านบาท 56.3 ล้านบาท และ 114.2 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยต่อปี 192.3% ตามการเติบโตของทั้ง 3 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูล ซึ่งในปี 63 มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 39%, ธุรกิจรับเหมาวิศวกรรมด้านเทคโนโลยี มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 30.7% และธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีต่างๆ มีสัดส่วนรายได้ที่ 30.3%

อนึ่ง ธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร ประกอบด้วย การให้บริการรับบริหารระบบงาน (Business Process Outsourcing หรือ BPO) ในกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล เป็นตัวแทนจำหน่ายระบบบริหารจัดการเอกสาร (Document Management Solutions) ให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ให้บริการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูลด้วยระบบเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำงานของลูกค้า โดยล่าสุด บริษัทฯได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูล รวมถึงพัฒนาบุคลากรด้านไอทีเพื่อผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพและเปิดโอกาสให้เข้าร่วมงานกับบริษัทฯ

2.กลุ่มธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีอื่นๆ ครอบคลุมบริการให้เช่าและบำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสารแก่หน่วยงานราชการและเอกชน จำหน่ายเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์อื่นๆ อาทิ จอ LED อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่าย เป็นต้น โดยในปี 61 ได้ขยายธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์และระบบไดร์ฟทรูแบรนด์ HME หนึ่งในแบรนด์ชั้นนำของโลก และขยายธุรกิจระบบจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน (Point of Sales หรือ POS)

3.กลุ่มธุรกิจที่อยู่ภายใต้บริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโครงการวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่างๆ โดยมุ่งเน้นในโครงการที่มีเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม (Innovation) และเป็นเทคโนโลยีเฉพาะทาง ได้แก่ บริการทางวิศวกรรม ออกแบบ จัดหาและติดตั้งระบบท้องฟ้าจำลองและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเป็นระบบฉายภาพที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญพิเศษ การให้บริการออกแบบ จัดหา และติดตั้งระบบโทรมาตร (SCADA) สำหรับการชลประทาน เช่น ระบบตรวจวัดสภาพน้ำทางไกลอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า เป็นต้น ให้บริการงานระบบเทคโนโลยีภายในอาคาร และโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยี เช่น การก่อสร้างระบบการจัดการขยะเพื่อผลิตเชื้อเพลิง RDF และปุ๋ยอินทรีย์ เป็นต้น

“ธุรกิจของบริษัทฯ มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรสู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยความสะดวกรวดเร็วในการจัดเก็บและค้นหาข้อมูล ลดต้นทุนกระดาษและพื้นที่จัดเก็บเอกสาร ตอบโจทย์การทำงานแบบ Digital Workplace ซึ่งเป็นเทรนด์การทำงานในอนาคต”

“โดยบริษัทวางกลยุทธ์สร้างการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสารและข้อมูล และธุรกิจให้เช่า จำหน่ายและให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์และสินค้าเทคโนโลยีอื่นๆ จะมุ่งนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายแบบครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของลูกค้า นำเสนอบริการที่มีคุณภาพโดยทีมงานที่เชี่ยวชาญและบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ ส่วนธุรกิจรับเหมาโครงการวิศวกรรมด้านเทคโนโลยีสำหรับโครงการของหน่วยงานราชการต่างๆ จะมุ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ ใช้จุดเด่นด้านบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและมีประสบการณ์จากผลงานโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา”

นายฐกร กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 เม.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top