นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือนมี.ค.64 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ 8,841 ราย เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดจดทะเบียน 6,066 ราย และเพิ่มขึ้น 22% จากเดือนก.พ.64 ที่มียอดยื่นจดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ 7,265 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 19,426.89 ล้านบาท
สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 667 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 366 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร 232 ราย คิดเป็น 3%
ส่วนธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ ในเดือนมี.ค.64 มี 790 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 5,550.37 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 68 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 67 ราย คิดเป็น 8% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 31 ราย คิดเป็น 4%
ส่งผลให้ยังมีธุรกิจเปิดดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 มี.ค. 64 รวม 789,851 ราย มูลค่าทุน 19.33 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 193,374 ราย คิดเป็น 24.48% บริษัทจำกัด 595,190 ราย คิดเป็น 75.36% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,287 ราย คิดเป็น 0.16%
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวถึงการลงทุนประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวว่า ในเดือน มี.ค.64 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 63 ราย แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 23 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 40 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,977 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ฮ่องกง 6 ราย เงินลงทุน 3,213 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ 6 ราย เงินลงทุน 77 ล้านบาท และญี่ปุ่น 5 ราย เงินลงทุน 48 ล้านบาท ยอดรวมคนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 147 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 24,493 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 เม.ย. 64)
Tags: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กระทรวงพาณิชย์, จดทะเบียนธุรกิจ, ทศพล ทังสุบุตร