สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ของออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 1.4% จากเดือนก.พ. เนื่องจากราคาบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ขณะที่การกลับมาเปิดพรมแดนระหว่างรัฐยังหนุนให้ประชาชนกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง
ทั้งนี้ ข้อมูลยอดค้าปลีกในเบื้องต้นของออสเตรเลียสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1%
ส่วนยอดค้าปลีกในเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว ปรับตัวขึ้น 2.3% แตะที่ 3.072 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.371 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) แม้เป็นช่วงเวลาที่ออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ การบริโภคในภาคครัวเรือนเมื่อช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้รับแรงหนุนจากราคาบ้านที่ดีดตัวสูงขึ้น การอัดฉีดเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล รวมถึงต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงเป็นประวัติการณ์และการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่หนุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
รัฐวิกตอเรียและรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียมียอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นสูงสุด หลังจากทั้งสองรัฐได้รับกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโควิด-19 ในช่วงสั้นๆ เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกในคาเฟ่, ร้านอาหาร และบริการอาหารประเภทซื้อกลับบ้านดีดตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในรัฐวิกตอเรียและรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย นอกจากนี้ ยอดค้าปลีกสินค้าจำพวกเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับ รวมถึงยอดขายในห้างสรรพสินค้ายังเพิ่มขึ้นด้วย
ข้อมูลยอดค้าปลีกที่ประกาศในวันนี้ยังช่วยเสริมการคาดการณ์ที่ว่า เศรษฐกิจของออสเตรเลียกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะยังคงจับตาแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้น ก่อนพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 เม.ย. 64)
Tags: ค้าปลีก, ยอดค้าปลีก, รัฐวิกตอเรีย, รัฐเวสเทิร์น, ออสเตรเลีย, เปิดพรมแดน