SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,579.93 จุด ลดลง 0.11 จุด (-0.01%) มูลค่าการซื้อขายราว 42,282 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ถึงพักฐานแต่ดูดีกว่าตลาดภูมิภาคที่ร่วงรับแรงกดดันจากโควิดระบาดหนัก-ขาดปัจจัยขับเคลื่อน ส่วนบ้านเรายังรอติดตามงบ บจ.หลังกลุ่มแบงก์ออกมาดีกว่าคาด แต่แรงขับเคลื่อนยังจำกัด และ Fund Flow ไม่ค่อยเข้าตลาด TIP ขณะที่ได้รับปัจจัยถ่วงจากสถานการณ์โควิด ทำให้มี upside จำกัด บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งคล้ายช่วงเช้าและมีโอกาสพักฐาน ให้แนวรับ 1,575-1,560 แนวต้าน 1,580-1,585 จุด
- ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,579.93 จุด ลดลง 0.11 จุด (-0.01%) มูลค่าการซื้อขายราว 42,282 ล้านบาท
- การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,583.88 จุด และระดับต่ำสุด 1,575.56 จุด
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ถึงพักฐาน ยังดูดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ปรับตัวลงแรงเฉลี่ยราว 0.5-0.6% จากแรงกดดันสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และยังขาดปัจจัยขับเคลื่อน ส่วนบ้านเราอยู่ในช่วงรอติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลุ่มแบงก์ก็ออกมาดีกว่าคาดจากการตั้งสำรองฯลดลงและรายได้ค่าธรรมเนียมดีขึ้น
แต่ทั้งนี้แรงขับเคลื่อนตลาดบ้านเรามีจำกัด และ Fund flow ไม่ค่อยไหลเข้ามาในตลาดกลุ่ม TIP แม้ว่าจะมีเงินไหลเข้าในตลาดแถบเอเชียเหนืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดบ้านเราก็ยังมีปัจจัยถ่วงจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ upside ตลาดมีจำกัด และจากวันนี้จนถึงวันที่ 28 เม.ย.จะเป็นช่วง 7-14 วันหลังสงกรานต์ต้องจับตาตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดจะกระจายตัวออกไปแค่ไหน และการเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งคนไทยยังได้รับการฉีดวัคซีนค่อนข้างน้อย
นอกจากนี้ให้ติดตามการปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยและตลาดทุน ซึ่งทางสถาบันมูดี้ฯ มองไทยมีความเสี่ยงในการฟื้นตัวเศรษฐกิจอันเป็นผลจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่
ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้ามีการแกว่งไซด์เวย์ แต่แข็งแรงกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ติดลบราว 0.5-1% ตามตลาดสหรัฐและยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่วนตลาดบ้านเราได้แรงหนุนจากผลประกอบการกลุ่มแบงก์แข็งแกร่ง และหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน อย่าง GULF, INTUCH และ ADVANC ที่ทำให้ดัชนีสามารถประคองตัวได้
สำหรับกรณีที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับ GDP ลดลงมาที่ 1.8% จากเดิม 2.6% ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก โดยมองว่าการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น
พร้อมแนะนำให้สะสมหุ้นธนาคารพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็น KBANK, SCB และ KKP เนื่องจากผลกำไรไตรมาส 1/64 ดีกว่าที่คาดไว้และอาจจะดีในไตรมาสถัดไปได้อีก นอกจากนี้ยังแนะนำหุ้น JR และ IIG อีกด้วย
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดฯยังมีโอกาสพักฐาน โดยมีแนวรับ 1,569-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585 จุด ส่วนนายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งคล้ายช่วงเช้า ให้แนวต้านที่ 1,580-1,585 จุด ส่วนแนวรับ 1,575-1,570 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
- ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,231.36 ล้านบาท ปิดที่ 178.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
- DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,680.20 ล้านบาท ปิดที่ 388.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
- KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,607.45 ล้านบาท ปิดที่ 139.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
- GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,305.62 ล้านบาท ปิดที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
- INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,272.05 ล้านบาท ปิดที่ 63.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 เม.ย. 64)
Tags: SET, SET Index, กรภัทร วรเชษฐ์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, ฟินันเซีย ไซรัส, วีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา, หุ้นไทย, โนมูระ พัฒนสิน