นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway up ฟื้นขึ้นหลังไม่หลุดแนวรับสำคัญ 1,530 จากคาดจบ Panic จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศ New high หลังรัฐฯออกมาตรการคุมเข้มสกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากต่างชาติซื้อสุทธิ-ดอลลาร์ฯอ่อนค่า-บาทแข็งค่า-Bond yield สหรัฐฯชะลอลง ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งบวก-ลบไม่เกิน 0.3% พร้อมให้ติดตามการประชุม ECB วันที่ 22 เม.ย.-การทยอยประกาศงบฯของสหรัฐฯและไทย-มจำนวนผู้ติดเชื้อหลังสงกรานต์ ให้แนวรับ 1,540-1,530 แนวต้าน 1,555-1,560 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway up ฟื้นตัวขึ้นได้หลังไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,530 จุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งการ Panic จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศนิวไฮทะลุพันรายต่อวันน่าจะจบได้แล้ว หลังภาครัฐฯออกมาตรการคุมเข้มสกัดการแพร่ระบาด เชื่อว่าจะทำให้อัตราเริ่มชะลอตัว ผู้ติดเชื้อน่าจะทยอยลดลงได้ถ้าทำตามมาตรการคุมเข้มของภาครัฐฯ
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ, เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง, เงินบาทแข็งค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯชะลอลง พร้อมมองตลาดปรับฐานถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบไม่เกิน 0.3% โดยต่างรอดูการประชุมธนาคารยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 เม.ย.นี้ และติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งของสหรัฐฯ และไทยที่ทยอยออกมา รวมถึงติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในช่วงหลังสงกรานต์
พร้อมให้แนวรับ 1,540-1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,555-1,560 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,200.67 จุด เพิ่มขึ้น 164.68 จุด (+0.48%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,185.47 จุด เพิ่มขึ้น 15.05 จุด (+0.36%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,052.34 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด (+0.10%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.93 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นขยับขึ้น 4.95 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 9.58 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 เม.ย.)1,548.96 จุด เพิ่มขึ้น 7.84 จุด (+0.51%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,611.78 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 เม.ย.64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 เม.ย.) ปิด 63.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 เม.ย.) อยู่ที่ 2.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.20 แข็งค่าจากสัปดาห์ก่อน หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯกดดอลลาร์อ่อน
- สศช.ชี้วงเงินกู้ 1 ล้านล้านเบิกจ่ายไปแล้ว 78% ปัจจุบันเหลือวงเงิน 240,000 ล้านบาท ในส่วนนี้เป็นเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 214,000 ล้านบาท เตรียมเดินหน้าโครงการเศรษฐกิจฐานราก 45,000 ล้านบาท ให้แต่ละจังหวัดทั้ง 77 จังหวัดเสนอโครงการเข้ามา โดยจะจัดสรรเงินให้จังหวัดละ 500-700 ล้านบาท ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ยังไม่มีการหารือ รอประเมินสถานการณ์และประเมินผลโครงการเราชนะก่อน
- รถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู เตรียมวิ่งทดสอบออกจากเดปโป้ปลาย เม.ย.นี้ ล่าสุดรถมาแล้ว 7 ขบวน ภาพรวมคืบ 72-76% ตั้งเป้าปลายปี 64 เปิดสีเหลืองช่วงแรกจากสำโรง-ซอยภาวนา “ชมพู” เปิดต้นปี 65 เฟสแรก มีนบุรี-ศูนย์ราชการ
- กนอ.ปลื้ม 6 เดือนแรกปีงบ 64 เงินลงทุนนิคมพุ่ง 1 แสนล้านบาท โต 287% เดินหน้ายกระดับผลิตภัณฑ์บริการชูนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง รับการเปลี่ยนแปลงเทรนด์เศรษฐกิจโลก
- สรรพสามิตยันไม่มีแผนเปิดพิกัดภาษีใหม่ในช่วงนี้ ชี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังประชาชน-ภาคธุรกิจยังระทมจากผลกระทบโควิด-19 จ่อเลื่อนขยับอัตราภาษีความหวาน หวังรัฐบาลแผลงฤทธิ์คุมโควิด-19 คลัสเตอร์ใหม่อยู่หมัด หนุนครึ่งปีหลังคนเดินทางท่องเที่ยว-ใช้จ่ายเพิ่ม ดันยอดจัดเก็บภาษีน้ำมันพุ่ง กระทุ้งผลงานรีดภาษีปีงบ 2564 วิ่งฉลุยตามเป้าหมาย
- โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะยังสามารถขยายตัวได้ โดยรัฐบาลยังมีเงินเกือบ 3.8 แสนล้านบาท สำหรับนำมาใช้เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แยกเป็นเงินจำนวน 2.4 แสนล้านบาทจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท แต่เพื่อไทยมาแปลก อัดรัฐบาลล้มเหลวทุกอย่าง ตามคนอื่นไม่ทัน เพราะหลายประเทศจะสั่งยกเลิกใส่หน้ากากในพื้นที่สาธารณะแล้ว
หุ้นเด่นวันนี้
- ZIGA-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ บมจ.ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA)) เทรดวันนี้วันแรก 242,522,227 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 1.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (31 มีนาคม 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ก.ย. 2564 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 มี.ค. 2566
- IVL (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 60 บาท คาดกำไรสุทธิ Q1/64 โตก้าวกระโดดสู่ระดับ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวเมื่อเทียบกับ qoq และ 4 เท่าตัวเมื่อเทียบ yoy หนุนโดย Spread ปิโตรที่เพิ่มขึ้นกว่า 50%qoq และยังมีกำไรจากสต๊อกสินค้าคงเหลือตามทิศทางราคาน้ำมันและปิโตรฯที่เพิ่มขึ้น
- BCH (คิงส์ฟอร์ด)”ซื้อ”เป้า 19.50 บาท ประเมินกำไรสุทธิงวด Q1/64 ที่ 305 ลบ. (+17.47% YoY, +9.77% QoQ) รับแรงหนุนจากการตรวจเชื้อโควิดเร่งตัวในเดือน ม.ค. ล่าสุด เริ่มเห็นการเร่งตัวของการตรวจเชื้ออีกครั้งทั้งจากคลัสเตอร์ตลาดบางแค คลัสเตอร์แหล่งบันเทิงทองหล่อ-เอกมัย นอกจากนี้ช่วง H2/64 มีโอกาสสูงที่รายได้ผู้ป่วยต่างชาติจะกลับมา และมีปัจจัยหนุนทางรายได้จากวัคซีน โควิด-19 (ทั้งจากที่รับมากระจายต่อจากทางรัฐฯ และที่มีแผนอาจนำเข้าเอง) ปัจจุบัน คาดกำไรสุทธิ ปี 63 และ ปี 64 อยู่ที่ 1,308 ลบ. ( +6.36%YoY) และ 1,440 ลบ.(+10.13%YoY) ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 เม.ย. 64)
Tags: SET Index, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย