นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (AP) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมาถือว่าสินค้าในกลุ่มแนวราบสามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้เป็นอย่างดี และเป็นดาวเด่นที่สุด ทำให้ยอดขายรวมในไตรมาส 1/64 ทำไปได้ราว 8 พันล้านบาท สูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 6 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ยอดขายในช่วงไตรมาส 1/64 กว่า 90% มาจากการขายโครงการแนวราบมากถึง 7.29 พันล้านบาท สะท้อนภาพความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อสินค้าบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมของบริษัทที่กระจายครอบคลุมในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ หรือการขยายตลาดใหม่ไปใน 5 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น ระยอง นครศรีธรรมราช อยุธยา และเชียงราย จนสามารถสร้างการเติบโตด้านยอดขายได้อย่างโดดเด่นที่สุดท่ามกลางสภาวะตลาดผันผวน
ส่วนคอนโดมิเนียมนั้นในครึ่งปีแรกยังคงไม่ค่อยสดใสนัก แต่มองว่าหากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศสามารถคลี่คลายลงได้อย่างชัดเจนแล้ว ในช่วงครึ่งปีหลังตลาดคอนโดมิเนียมจะกลับมาดีขึ้น แต่คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะฟื้นตัวกลับไปเหมือนก่อนเกิดโควิด-19
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 2/64 ยังคงอยู่ในสภาวะที่รอการฟื้นตัว ทั้งในภาพของดีมานด์ที่ยังคงเป็นไปตามภาพรวมเศรษฐกิจ และด้านซัพพลายของการเปิดตัวสินค้าใหม่ยังคงเกิดจากผู้เล่นรายใหญ่เพียงไม่กี่รายในตลาดดังที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นล่าสุดในต้นเดือนเม.ย.นี้ อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของคนในช่วงต้นของไตรมาส 2/64 อยู่บ้าง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าคอนโดมิเนียมที่ยังไม่เห็นการฟื้นตัวกลับมาที่ชัดเจนในตอนนี้ แต่มองว่ายังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบที่จะเข้ามาช่วยพยุงภาพรวมของตลาดเอาไว้ได้บ้าง
ด้านแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 2/64 จะเตรียมเปิดโครงการแนวราบ 5 โครงการ มูลค่ารวม 2.66 พันล้านบาท โดยทั้งหมดจะเปิดขายในเดือนมิ.ย. 64 ทั้งหมด ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่า 1.65 พันล้านบาท คือ โครงการ CENTRO พหล-วิภาวดี 2 จำนวน 249 ยูนิต มูลค่า 1.25 พันล้านบาท โครงการ CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก 3 จำนวน 43 ยูนิต มูลค่า 400 ล้านบาท
ส่วนโครงการทาวน์โฮมวางแผนเปิด 3 โครงการ มูลค่ารวม 1 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการ Pleno บางนา-อ่อนนุช 2 จำนวน 233 ยูนิต มูลค่า 570 ล้านบาท โครงการ Pleno ปิ่นเกล้า-จรัญ 2 จำนวน 86 ยูนิต มูลค่า 330 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศ District รามอินทรา-จตุโชติ จำนวน 20 ยูนิต มูลค่า 110 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทยังมั่นใจว่าแผนงานในปี 64 ที่วางแผนไว้จะยังสามารถทำได้ตามเป้าหมายในภาวะที่เผชิญกับปัจจัยความไม่แน่นอนเกิดขึ้น โดยที่มั่นใจว่ายอดขายจะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 3.55 และสามารถทำรายได้ได้ตามเป้าที่ 4.31 หมื่นล้านบาท อีกทั้งจะเปิดโครงการใหม่ได้ครบตามแผนจำนวน 34 โครงการ มูลค่ารวม 4.3 หมื่นล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 เม.ย. 64)
Tags: AP, วิทการ จันทวิมล, หุ้นไทย, เอพี ไทยแลนด์