CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ ซื้อ RS รับผลบวกจากโควิดระบาดครั้งใหม่-ลุ้นกำไรปีนี้ทุบสถิติสูงสุด

โบรกเกอร์ ต่างแนะนำ”ซื้อ”หุ้น บมจ.อาร์เอส (RS) เล็งรับผลบวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้น จากประชาชนจะอยู่บ้านมากขึ้น และหันมาซื้อสินค้าระบบออนไลน์ หรือช่องทางอื่น ๆ ที่ไม่ต้องเดินทางออกจากที่พักอาศัย

ทั้งนี้ คาดว่าปีนี้ (2564) กำไรจะทุบสถิติสูงสุดต่อเนื่อง หลัก ๆ ยังคงมาจากกลยุทธ์ Entertainmerce ที่มุ่งการเติบโตจากธุรกิจขายสินค้าผสานจุดแข็งด้านธุรกิจสื่อของบริษัท โดยมีการเพิ่มสินค้าใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เป็น Mass market อาทิ ตลาดรังนก ตลาดอาหารสัตว์ และล่าสุดเปิดตัว สินค้าใหม่ คอลลาเจน และเครื่องดื่มสำหรับสินค้าจากพาร์ทเนอร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 110 SKU ในปี จากปีก่อน 75 SKU

ขณะที่ธุรกิจทีวีดิจิทัลคาดว่าจะฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ รับแรงหนุนต้นทุนที่ลดลงและรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ เม็ดเงินโฆษณาจะเริ่มกลับมาเป็นบวก รวมถึงการรุกธุรกิจใหม่ การบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ การทวงถามหนี้ ช่วยขยายฐานกำไรเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้บริษัทให้ข้อมูลว่ายังมีแผนการควบรวมกิจการ (M&A) อีกราว 2 ดีล มูลค่าลงทุนรวมราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นการเปิดตัวช่วงครึ่งปีแรก 1 ดีล และในครึ่งปีหลัง 1 ดีล

เมื่อเวลา 14.34 น. หุ้น RS อยู่ที่ 25.50 บาท ลดลง 0.75 บาท (-2.86%) ขณะที่ดัชนี SET ลบ 16.06 จุด

โบรกเกอร์คำแนะนำราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
คันทรี่ กรุ๊ปขาย24.00
เคจีไอซื้อ37.75
เคทีบีเอสทีซื้อ31.00
ทิสโก้ซื้อ31.00
หยวนต้าซื้อ32.50

นายมงคล พ่วงเภตา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที มองว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งใหม่ที่เกิดขึ้น อาจจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ RS เนื่องจากประชาชนจะอาศัยอยู่บ้านมากขึ้น และหันมาซื้อสินค้าระบบออนไลน์ หรือช่องทางอื่น ๆ ที่ไม่ต้องเดินทางออกจากที่พักอาศัย

“RS เองมีสื่อในมือของตัวเองสามารถปรับไปตามกลยุทธ์ได้รวดเร็ว และการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นมักจะดีต่อบริษัททำให้การจำหน่ายสินค้าผ่าน E-Commerce มีการเติบโตต่อเนื่อง”

นายมงคล กล่าว

นอกจากนี้ เปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ภายใต้ Lifestar ได้แก่ Well U ซึ่งมีผลิตภัณฑ์”Collagen Dipeptide & Tripeptide วางจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายและร้านค้าปลีกต่าง ๆ ตั้งเป้ารายได้ 500 ล้านบาท/ปี และCamu C ซึ่งเป็น Functional Drink แรกในไทยที่ใช้ Camu Camu ผสม ใช้ Kim Soo Hyun ดาราดังของเกาหลีเป็น presenter ตั้งเป้ารายได้ที่ 600 ล้านบาท/ปี

ขณะที่ผลิตภัณฑ์จากกัญชง RS มีแผนที่จะเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชงตั้งแต่ มิ.ย.-พ.ย. โดยตั้งเป้ารายได้รวมจากผลิตภัณฑ์กัญชงที่ 1.9- 2.0 พันล้านบาท/ปี ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่า อย. จะอนุมัติใบอนุญาตโรงสกัดใน เม.ย. สำหรับปี 64 ผู้บริหารคาดรายได้จากผลิตภัณฑ์กัญชงที่ 500-700 ล้านบาท

“ที่ผ่านมา RS สามารถปรับธุรกิจไปตามภาวะตลาดได้ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับตลาดตลอดเวลา และเป็นที่ต้องการของตลาด ขณะที่ผลิตภัณฑ์จากกัญชงเองก็มีแผนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งยังได้เปรียบด้วยการที่สามารถทำการตลาดผ่านสื่อของตัวเองได้ด้วย”

นายมงคล กล่าว

ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ทาง RS จัดงานแถลงข่าวแผนธุรกิจในปี 64 และเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยคาดว่าปีนี้ (2564) กำไรจะทุบสถิติสูงสุดต่อเนื่อง หลัก ๆ ยังคงมาจากกลยุทธ์ Entertainmerce ที่มุ่งการเติบโตจากธุรกิจขายสินค้าผสานจุดแข็งด้านธุรกิจสื่อของบริษัท โดยมีการเพิ่มสินค้าใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เป็น Mass market อาทิ ตลาดรังนก ตลาดอาหารสัตว์ และล่าสุดเปิดตัว สินค้าใหม่ คอลลาเจน และเครื่องดื่มสำหรับสินค้าจากพาร์ทเนอร์จะเพิ่มขึ้นเป็น 110 SKU ในปี จากปีก่อน 75 SKU

ส่วนธุรกิจทีวีดิจิทัล คาดว่าจะฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในปีก่อน ซึ่งได้แรงหนุนจากต้นทุนที่ลดลง และรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ และเม็ดเงินโฆษณาจะเริ่มกลับมาเป็นบวกตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/64 รวมถึงการรุกธุรกิจใหม่ การบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ การทวงถามหนี้ ช่วยขยายฐานกำไรเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้บริษัทให้ข้อมูลว่ายังมีแผนการควบรวมกิจการ (M&A)อีกราว 2 ดีล มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นการเปิดตัวช่วงครึ่งปีแรก 1 ดีล และในครึ่งปีหลัง 1 ดีล

ส่วนบล.ทิสโก้ ระบุว่า RS ตั้งเป้ารายได้ปี 64 ที่ 5,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน จากธุรกิจมีเดีย 1,700 ล้านบาท และธุรกิจ commerce 4,000 ล้านบาท (ยังไม่รวมธุรกิจสินค้ากัญชง) แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าเดิม 3,000 ล้านบาท และกลุ่มสินค้าใหม่ 3 กลุ่ม 1,000 ล้านบาทในส่วนอาหารเสริม functional drink และอาหารสัตว์ และงบค่าใช้จ่ายการตลาดสินค้าใหม่ 300 ล้านบาท

โดยคาดผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจ Commerce มีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทในการขยายตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและสินค้ากลุ่มกัญชง สอดคล้องตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ซึ่งตลาดนี้มีมูลค่าสูง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 เม.ย. 64)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top