ที่ประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เห็นชอบมาตรา 10 เกี่ยวกับกระบวนการจัดทำประชามติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ด้วยคะแนน 449 ต่อ 0 เสียง
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 11 ยืนตามคณะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ด้วยคะแนน 347 ต่อ 154 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 2 เสียง
สำหรับมาตรา 11 กำหนดว่าถ้ารัฐสภามีมติเห็นสมควรให้มีการทำประชามติ จะต้องเป็นมติเห็นชอบของแต่ละสภา และให้ประธานรัฐสภาแจ้งให้นายกฯทราบ นอกจากนี้ ยังกำหนดว่าถ้าประชาชนจะเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอทำประชามตินั้น ประชาชนต้องเข้าชื่อไม่น้อยกว่า 5 หมื่นคน ทั้งนี้ ให้ ครม.พิจารณาว่ามีเหตุอันสมควรให้จัดทำประชามติในประเด็นนั้นๆหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 166
นายชูศักดิ์ ศิรินิล จากพรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยให้ประชาชนเข้าชื่อ 5 หมื่นคน แต่เห็นด้วยให้เข้าชื่อ 1 หมื่นคนแทน โดยการจัดทำประชามติในมาตรา 11 หมายถึงการขอจัดทำประชามติระดับพื้นที่ด้วย ดังนั้น จึงเห็นว่าอาจไม่จำเป็นต้องลงชื่อถึง 5 หมื่นรายชื่อ ซึ่งถือว่ามากเกินไป
นอกจากนี้ การเสนอการเข้าชื่อตามมาตรา 11 ปลายทางต้องให้ ครม.ตัดสินใจอีกครั้งว่าเห็นสมควรให้จัดทำประชามติหรือไม่ แปลว่าการที่ประชาชนเข้าชื่อหมายถึงริเริ่ม ไม่ได้หมายความว่าสำเร็จผลแล้ว จึงเห็นว่าการใช้เกณฑ์ 1 หมื่นคน ซึ่งเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์ตามร่าง พ.ร.บ.การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ก็เพียงพอและเหมาะสมแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 เม.ย. 64)
Tags: ชูศักดิ์ ศิรินิล, ประชามติ, ประชุมสภา, พ.ร.บ.ประชามติ, พรรคเพื่อไทย, รัฐสภา