นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จะนำผลการศึกษาเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ไปหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว ก่อนจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากโครงสร้างภาษีใหม่จะต้องเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.64 ดังนั้นจึงต้องรีบสรุปรายละเอียดเพื่อให้ผู้ประกอบการรับทราบและเตรียมปรับตัวในการดำเนินธุรกิจต่อไป
“โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ จะมีการเสนอผลการศึกษาให้ รมว.คลัง พิจารณาเห็นชอบมากกว่า 1 ทางเลือก ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เสนอว่าให้มีการจัดเก็บอัตราภาษีบุหรี่ 3 อัตรา เพื่อทำให้ ยสท.สามารถจำหน่ายบุหรี่ในราคาถูกได้นั้น ก็เป็นการเสนอเข้ามาได้ ส่วนการตัดสินใจทั้งหมด จะเป็นหน้าที่ของกรมสรรพสามิต” นายลวรณ กล่าว
นายลวรณ กล่าวว่า โครงสร้างอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นอัตราเดียวเหมือนกับต่างประเทศ หรือตามกฎหมายเดิมที่ใช้ในปัจจุบัน โดยจะมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและบริบทของผู้ประกอบการ รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้มากที่สุด ดังนั้น ในขณะนี้จึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่จะเป็นอย่างไร มีอัตราเดียวหรือหลายอัตรา
ปัจจุบันกรมสรรพสามิตสามารถจัดเก็บรายได้จากภาษีบุหรี่เฉลี่ยปีละ 60,000 ล้านบาท โดยกรมสรรพสามิตได้ให้ความสำคัญกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างภาษีบุหรี่ทั้งหมด ทั้งผู้ค้า และเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ที่เริ่มใช้เมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ขายใบยาสูบได้ลดลง ซึ่งกรมสรรพสามิตได้มีการจ่ายเงินเยียวยาให้เป็นเวลา 2 ปี
โดยล่าสุด กรมสรรพสามิตได้เสนอสำนักงบประมาณ เพื่อขอใช้งบประมาณปี 2564 วงเงิน 159 ล้านบาท ในการจ่ายชดเชยให้ผู้ปลูกใบยาสูบในปีการผลิต 2564
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 64)
Tags: กรมสรรพสามิต, กระทรวงการคลัง, การยาสูบแห่งประเทศไทย, ภาษี, ภาษีบุหรี่, ยสท., ลวรณ แสงสนิท, อาคม เติมพิทยาไพสิฐ