ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง แก้รัฐธรรมนูญ ให้ประชาชนได้ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,942 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 30 มีนาคม – 3 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.8 มองว่า คนที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะต้องการเปิดช่องทุจริต โกง ในบางมาตรา และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 94.7 ห่วงนักการเมืองแก้ไขมาตราให้ดัดแปลงงบประมาณได้ง่าย
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.1 เห็นด้วยว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้เสรีภาพที่จำเป็นแก่ประชาชนแล้ว ในขณะที่ร้อยละ 16.9 ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.9 ระบุ นักการเมืองเป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศและประชาชนมากกว่า รัฐธรรมนูญ ในขณะที่ ร้อยละ 19.8 ระบุ รัฐธรรมนูญ เป็นตัวถ่วงความเจริญของประเทศและประชาชนมากกว่า และร้อยละ 4.3 ไม่มีความเห็น
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่มองความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองได้ประโยชน์ เพื่อเป้าหมายทางการเมืองและประโยชน์ของแต่ละกลุ่มตระกูลและเครือญาติที่พยายามผูกขาดอำนาจและผลประโยชน์ส่งต่อสืบเนื่องกันมา มากกว่าประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ เช่น แก้เพื่อได้เปรียบทางการเมือง แก้เพื่อเปิดช่องตักตวงประโยชน์ แก้เพื่อลดความเสี่ยงผิดกฎหมาย หรือแก้แม้กระทั่งเปลี่ยนสมดุลสู่การสั่นคลอนสถาบันหลักของชาติ ทั้งนี้ ข้อมูลข่าวสารยังไม่ปรากฏเชิงประจักษ์ให้เห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญมีประโยชน์อย่างไรต่อประชาชนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้เสรีภาพที่จำเป็น มุ่งคุ้มครองและปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ และมิได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตปกติของประชาชน แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศและความเจริญของประชาชนกลับกลายเป็นนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองบางคน ที่ปลายทางมักไม่พ้นอำนาจและผลประโยชน์ โดยพยายามลากปัญหาทุกเรื่องให้ผูกไว้กับการแก้รัฐธรรมนูญ หากลงลึกจริง “ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น” คือ ปัญหาใหญ่และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งของคนในชาติ ที่จำเป็นต้องหาทางออกร่วมกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 เม.ย. 64)
Tags: ซูเปอร์โพล, นพดล กรรณิกา, ผลสำรวจ, รัฐธรรมนูญ, แก้ไขรัฐธรรมนูญ