“มอร์แกน สแตนลีย์” ชู 5 หุ้นได้ประโยชน์ หากจีนลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์

มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นของบริษัทที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการที่รัฐบาลจีนได้แสดงความต้องการที่จะบรรลุเป้าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ (CO2) ลงเหลือศูนย์ภายในปี 2603

แม้นักลงทุนบางส่วนไม่มั่นใจในคำกล่าวอ้างของจีน แต่มอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า รัฐบาลจีนได้เริ่มดำเนินการลดการปล่อยก๊าซ CO2 แล้วในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กและอลูมิเนียมซึ่งมีการปล่อยก๊าซ CO2 ในระดับที่สูงมาก

มอร์แกน สแตนลีย์ได้ระบุชื่อบริษัท 5 แห่งที่คาดว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากมาตรการลดการปล่อย CO2 ของจีน โดยในจำนวนนี้มีบริษัท 2 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ

  • Chalco

การที่จีนซึ่งมีบทบาทเป็นผู้จัดหาเหล็กและอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลกจะหันมาลดการผลิตลงนั้น จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานเหล็กและอลูมิเนียมทั่วโลก

ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์เชื่อว่า บริษัท Chalco ของจีนซึ่งจดทะเบียนทั้งในตลาดหุ้นฮ่องกงและนิวยอร์ก จะได้รับประโชน์จากราคาอลูมิเนียมที่สูงขึ้น ในขณะที่ความต้องการใช้อลูมิเนียมยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับปริมาณอลูมิเนียมในตลาดที่ลดน้อยลง

  • Baosteel

บริษัท Baoshan Iron & Stee หรือ Baosteel เป็นผู้ผลิตเหล็กแผ่นเรียบของจีน และเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถูกรัฐบาลจีนตรวจสอบอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอน

เมื่อไม่นานมานี้ ทางการจีนได้สั่งลดปริมาณการผลิตเหล็กในเมืองถังชาน มณฑลเหอเป่ย โดยมอร์แกน สแตนลีย์ ประมาณการว่า การผลิตเหล็กในพื้นที่แห่งนี้จะลดลงราว 20% – 30% ในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานภายในประเทศลดลง

“การลดกำลังการผลิตในเมืองถังชาน จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นเรียบ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ราคาเหล็กชนิดนี้พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การที่ Boasteel มีกฎระเบียบในการควบคุมมลภาวะที่ดีมาก ก็ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆ”

มอร์แกน สแตนลีย์ระบุ
  • FangDa Carbon

FangDa Carbon เป็นบริษัทจดทะเบียนแห่งเดียวของจีนที่ผลิตแร่ Graphite Electrode และมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากดีมานด์ที่สูงขึ้น โดยแร่ Graphite Electrode นิยมใช้ในกระบวนการผลิตเหล็กด้วยวิธีอาร์คไฟฟ้า (Electrical Arc Furnace – EAF) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตเหล็กเพื่อให้ได้เหล็กคุณภาพสูง

มอร์แกน สแตนลียระบุว่า “ดีมานด์ในระยะยาวแข็งแกร่งมาก เราคาดว่าส่วนแบ่งตลาดของเหล็กที่ใช้กระบวนการ EAF จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 20% ภายในปี 2568 จากปัจจุบันที่ระดับ 12%”

  • ArcelorMittal

มอร์แกน สแตนลีย์เชื่อมั่นว่า บริษัท ArcelorMittal ของลักเซมเบิร์กจะยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะบริษัทที่มีผลกำไรจากการผลิตเหล็กที่สูงมาก อันเนื่องมาจากการแตกไลน์ธุรกิจและการมีโรงงานตั้งอยู่ทั่วโลก

นอกจากนี้ การที่ ArcelorMittal ได้บรรลุข้อตกลงทางธุรกิจกับบริษัท 2 แห่งเมื่อไม่นานมานี้ ยังเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของรายได้ ในช่วงเวลาที่ทางบริษัทกำลังปรับปรุงธุรกิจทั้งในด้านต้นทุนและการลดปล่อยก๊าซคาร์บอน

  • Alcoa

มอร์แกน สแตนลีย์มองว่าบริษัท Alcoa ของสหรัฐซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ระดับโลก จะได้ประโยชน์อย่างมากจากแนวโน้มที่สดใสของอลูมิเนียม โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนดำเนินการปฏิรูปฝั่งอุปทาน

ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์คาดว่าสินทรัพย์และกระแสเงินสดหมุนเวียนของ Alcoa จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ให้คำมั่นไว้ในระหว่างการประชุม UN เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2563 ว่า จีนจะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซ CO2 ลงเป็นศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603 พร้อมระบุว่า จีนจะยกระดับการดำเนินงานตามเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Intended Nationally Determined Contributions – INDCs) ด้วยการบังคับใช้นโยบาย และมาตรการต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพ

นักวิจัยของกลุ่ม Climate Action Tracker (CAT) กล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนให้คำมั่นว่าจีนจะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อย CO2 ลงเป็นศูนย์ให้ได้ก่อนปี 2603 นั้น ถือเป็นการผลักดันนโยบายลดโลกร้อนที่มีความสำคัญมากที่สุดในรอบหลายปี และหากจีนสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ก็จะช่วยให้ความร้อนทั่วโลก ลดลงราว 0.2-0.3 องศาเซลเซียสในศตวรรษนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 มี.ค. 64)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top