ครม. ไฟเขียวร่างแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย ปี 63-65

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติร่างแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2563-2565 ภายใต้วิสัยทัศน์ “รัฐบาลดิจิทัล เปิดเผย เชื่อมโยง และร่วมกันสร้างบริการที่มีคุณค่าให้ประชาชน” โดยให้ความสำคัญ 6 ประเด็น ได้แก่

  1. การศึกษา
  2. สุขภาพและการแพทย์
  3. การเกษตร
  4. ความเหลื่อมล้ำทางสิทธิสวัสดิการประชาชน
  5. การมีส่วนร่วม โปร่งใส และตรวจสอบได้ของประชาชน
  6. การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME)

โดยมีเป้าหมายสำคัญ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการและสวัสดิการของประชาชน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย การทำงานของภาครัฐมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้ง ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาและกำหนดนโยบายสำคัญของประเทศ

นายอนุชา กล่าวว่า ร่างแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ ในกรอบงบประมาณ 6,504.69 ล้านบาท ได้แก่

  • ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
  • ยุทธศาสตร์ที่ 2 อำนวยความสะดวกภาคธุรกิจไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3 ผลักดันให้เกิดธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐในทุกกระบวนการทำงานของภาครัฐ
  • ยุทธศาสตร์ที่ 4 พัฒนากลไกการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล

โดยโครงการสำคัญ อาทิ การพัฒนาแพลตฟอร์มการให้บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลเกษตรกร ระบบรับคำขออนุญาตเพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจ การพัฒนาศูนย์กลางการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ การพัฒนาระบบรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านช่องทางดิจิทัล รวมทั้งการปรับปรุงหรือแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนโยบายของรัฐ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมา การพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยมีความก้าวหน้า หน่วยงานต่างๆ ได้ลดจำนวนเอกสารที่ต้องยื่นประกอบการพิจารณาใบอนุญาต ปรับกระบวนงานและการให้บริการให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) และพัฒนาแพลตฟอร์ม (e-Government) เข้ามาช่วยในการบริหารงานระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐหรือรัฐบาลของรัฐอื่น (Government to Government :G2G) รัฐบาลและองค์กรธุรกิจ (Government to Business : G2B) รัฐบาลและประชาชน (Government to Citizen: G2C) เพื่อรองรับกิจกรรมและธุรกรรมระหว่างภาครัฐ เอกชนและประชาชน พร้อมเร่งพัฒนาปัจจัยพื้นฐานของสถาปัตยกรรมรัฐบาลดิจิทัล อาทิ การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลสำหรับบุคลากรภาครัฐ การจัดทำนโยบาย กฎหมายและกฎระเบียบ รวมทั้งการจัดทำมาตรฐาน (Standard) เพื่อขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการไปสู่รัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มี.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top