สมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยเปิดเผยว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมาได้สังหารประชาชนไปแล้วกว่า 500 คนนับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวยังคงทำการประท้วงต่อเนื่องในวันนี้ เพื่อแสดงอารยะขัดขืนครั้งใหม่ด้วยการขนขยะออกมากองตามถนนสายต่างๆ ในประเทศ
ข้อมูลจาก AAPP ระบุว่า พลเรือนชาวเมียนมาได้ถูกสังหารล่าสุดจำนวน 14 คนเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) โดยในจำนวนนี้มี 8 คนที่เสียชีวิตในเขตดากองใต้ของเมืองย่างกุ้ง
ด้านสถาบันโลวี (Lowy Institute) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยของออสเตรเลียระบุว่า ขณะนี้เมียนมากำลังจะกลายเป็น “รัฐล้มเหลว หรือ Failed State” และจำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศทั่วโลกจะต้องร่วมมือกันมากขึ้นเพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์ในเมียนมา
เฮิร์ฟ เลมาเฮ ผู้อำนวยการของสถาบันโลวีกล่าวว่า สถานการณ์ในเมียนมามีความซับซ้อนมากขึ้น และเป็นเรื่องยากที่จะรับมือได้ เนื่องจากกองทัพเมียนมายังคงปกครองประเทศด้วยอำนาจปืน ด้วยเหตุนี้เมียนมาจึงถลำเข้าสู่การเป็นประเทศที่ไร้เสถียรภาพมากขึ้น และปกครองได้น้อยลงในแต่ละวัน
ด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ และประเทศต่างๆ รวมถึงสหภาพยุโรป (EU) ได้ร่วมกันประณามกองทัพเมียนมาที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ประท้วง โดยปธน.ไบเดนกล่าวว่า การที่ประชาชนจำนวนมากถูกสังหารโดยไม่มีเหตุอันควรเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจยอมรับได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มี.ค. 64)
Tags: EU, ประท้วงเมียนมา, รัฐประหาร, สถาบันโลวี, สหภาพยุโรป, สหรัฐ, ออสเตรเลีย, เมียนมา, เฮิร์ฟ เลมาเฮ, โจ ไบเดน