นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 15-20% มาที่ 850-900 ล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 781.42 ล้านบาท โดยจะกลับมาใกล้เคียงกับปี 62 ที่มีรายได้ 861 ล้านบาท จากการเพิ่มประเภทสินค้าเพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มช่องทางการขายให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น โดยเฉพาะในโลกโซเชียล เพื่อสื่อสารข่าวสาร การเสนอขายสินค้าต่างๆ รวมไปถึงการช่วยเหลือลูกค้าในกรณีที่มีข้อสงสัยอีกด้วย เพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้ามากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทยังปรับกลยุทธ์การขายให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นเพื่อรักษาผลกำไรของบริษัท โดยสถานการณ์ในปีนี้ต่างจากปีที่แล้ว เนื่องจากราคาวัตถุดิบเริ่มสูงขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและผู้บริโภคกลับมามีกำลังซื้อ ทำให้ทางบริษัทอาจจะไม่ต้องออกกลยุทธ์ลดราคาหรือโปรโมชั่นเหมือนปี 63
นอกจากนี้ทางบริษัทยังมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงมีความไม่แน่นอน แม้จะเริ่มมีการฉีดวัคซีนหรือยอดผู้ติดเชื้อลดลงก็ตาม โดยทางบริษัทยังคงต้องจัดลำดับความสำคัญของการลงทุนและเลือกลงทุนแค่เฉพาะกับโครงการที่มีประโยชน์ต่อผลประกอบการเป็นลำดับต้นๆ เท่านั้น
อีกทั้งปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้เป็นระบบ Automation มากขึ้น พัฒนาการออกแบบเครื่องจักรใหม่ ๆ และปรับปรุงเครื่องจักรเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดการใช้บุลคากรในการผลิต ทำให้มีต้นทุนที่ถูกลงและได้สินค้าที่มีคุณภาพดีขึ้น และยังมองหาโอกาสขยายไปยังธุรกิจอื่นเพิ่มเติมในธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกัน หรือบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกกรรมจักรยานยนต์เป็นหลัก เพื่อที่จะสามารถเติบโตไปพร้อมกันได้
“การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถ้าลองปรับมุมมองจะพบว่าโควิด-19 ไม่ได้เป็นอุปสรรคเพียงอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกันโควิด-19 ก็ได้สร้างโอกาสให้กับทางบริษัท โดยในช่วงที่ผ่านมาผู้บริโภคนิยมสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ ซึ่งผู้ส่งอาหารส่วนใหญ่จะใช้รถจักรยานยนต์ ทำให้ยอดขายยางจักรยานยนต์เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งโควิด-19 ยังเป็นตัวช่วยเร่งให้ทางบริษัทก้าวเข้าสู่ช่องทางการขายออนไลน์เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย” นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายการเป็นบริษัทระดับภูมิภาค บริษัท FKR ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซียนั้น NDR ได้ให้ความสำคัญไปที่การมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ FKR ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองลูกค้าในตลาดจักรยานยนต์ได้อย่างครอบคลุม โดยที่ผ่านมามีสินค้ายางรถจักรยานยนต์ น้ำมันเครื่อง และหมวกกันน็อคเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เพิ่มศักยภาพและรายได้ของบริษัทย่อยในประเทศมาเลเซีย
ส่วนแผนการขยายตลาดในอินโดนีเซียและเวียดนาม คาดว่าในปีนี้จะสามารถกลับมาขยายตลาดในทั้งสองประเทศได้ตามแผนที่วางเอาไว้ หลังจากชะลอมาตั้งแต่ปี 63 เพราะไม่สามารถส่งสินค้าไปจำหน่ายในตลาดอินโดนีเซียได้ เนื่องจากการประสานงาน การตรวจงาน การทดสอบสินค้า การส่งสินค้าถูกชะลอ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 เช่นเดียวกันกับสถานการณ์ในเวียดนามที่ยังเผชิญกับสถานการณ์ของโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถไปเจรจากับลูกค้าได้
ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม ปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีความต้องการขยายตลาดไปในประเทศอื่น แต่เนื่องด้วยปัญหาโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถเดินทางข้ามประเทศได้ การเจรจาการค้ามีความยากขึ้นกว่าเดิม ต้องใช้การสื่อสารผ่านระบบออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ โดยมีการเจรจากับประเทศอื่นอยู่ แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มี.ค. 64)
Tags: NDR, ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา, เอ็น.ดี.รับเบอร์