กทท.เผยปริมาณสินค้า-ตู้สินค้าผ่านท่าเริ่มฟื้นจากปีก่อนรับผลกระทบโควิด

เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวถึงผลการดำเนินงานของการท่าเรือฯ ในปีงบประมาณ 64 ว่า ปริมาณสินค้าและตู้สินค้าผ่านท่า ในช่วงไตรมาสแรกปีงบประมาณ 64 (ต.ค.-ธ.ค.63) จำนวน 25.762 ล้านตัน เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 6.24% มีตู้สินค้าผ่านท่า 2.311 ล้าน ที.อี.ยู. ลดลง 2.81% ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประเทศไทยและหลายประเทศมีวัคซีนป้องกัน ส่งผลให้ปริมาณสินค้าและตู้สินค้าผ่านท่า มีทิศทางฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่เป็นปัจจัยหลักสะท้อนการเติบโตของปริมาณสินค้า ซึ่งส่งผลให้ในเดือน ม.ค.64 ปริมาณสินค้าผ่านท่าเพิ่มขึ้น 3.57% อยู่ที่ 9.253 ล้านตัน จาก 8.934 ล้านตัน และตู้สินค้าผ่านท่าเพิ่มขึ้น 2.66% อยู่ที่ 773,055 ที.อี.ยู. จาก 753,042 ที.อี.ยู.

โดยการท่าเรือฯ มีแผนจะยกระดับเป็นท่าเรือชั้นนำที่ได้มาตรฐานสากล โดยมียุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนในการพัฒนาบริการและโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีมาตรฐานในระดับโลก การพัฒนาสู่การเป็นประตูการค้าหลักและศูนย์กลางการเปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่ง การพัฒนาสินทรัพย์ในเชิงธุรกิจให้มีมูลค่าเพิ่ม การพัฒนาการให้บริการและยกระดับการทำงานมุ่งสู่การเป็นองค์กร สมรรถนะสูงด้วยการนำระบบ Port Community System (PCS) หรือระบบศูนย์กลางเชื่อมโยงข้อมูลด้านขนส่งทางน้ำและโลจิสติกส์แบบไร้รอยต่อ ทั้งของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านโลจิสติกส์ทั้งภาครัฐและเอกชนมาใช้ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการรองรับโครงข่ายการเชื่อมโยงด้าน Logistics ในระดับนานาชาติ

พร้อมกันนี้ จะเดินหน้าเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือของประเทศ ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือภูมิภาคโดยจะเร่งพัฒนาโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ขยายพื้นที่รองรับเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มากขึ้น สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าได้ 18 ล้าน ที.อี.ยู.ต่อปี ตลอดจนพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับให้ท่าเรือแหลมฉบังกลายเป็นท่าเรือหลักของภูมิภาค และเป็นเมืองท่าแห่งอนาคต

และอีกหนึ่งโครงการ คือ การพัฒนาศูนย์การขนส่งสินค้าทางรถไฟ เพื่อก่อสร้างลานขนถ่ายตู้สินค้า ทางรถไฟบนพื้นที่ 600 ไร่ ให้สามารถรองรับรถไฟได้ 12 ขบวน พร้อมติดตั้งเครื่องมือยกขนตู้สินค้าชนิดเดินบนราง (Rail Mounted Gantry Crane : RMG) ซึ่งจะรองรับตู้สินค้าได้ 2 ล้าน ที.อี.ยู.ต่อปี รวมทั้งโครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ) ที่จะเชื่อมโยงการขนส่งภายในประเทศ และระบบโลจิสติกส์ได้อย่างครบวงจร

สำหรับท่าเรือกรุงเทพได้มีการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องมือทุ่นแรง รวมถึงกระบวนการทำงานภายในให้สามารถนำไปสู่การยกระดับการพัฒนาให้เป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง พัฒนารูปแบบการให้บริการและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยมีโครงการปรับปรุงและพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง 20G ส่งเสริมระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ(Multimodal Transport) และพัฒนาระบบขนส่ง และการขนถ่ายสินค้าให้มีโครงข่ายเชื่อมโยง (Logistics Chain) ภายในประเทศ ให้สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้า ได้ 240,000 ที.อี.ยู.ต่อปี

โครงการพัฒนาท่าเรือฝั่งตะวันตกในลักษณะท่าเรืออัตโนมัติมีการนำเอาระบบSemi-Automated Operation ที่มีประสิทธิภาพ โครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพและทางพิเศษ สายบางนา-อาจณรงค์(S1) เพื่อส่งเสริมระบบการขนส่งสินค้าต่อเนื่องหลายรูปแบบ และพัฒนาระบบการขนส่ง และเชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์ของประเทศ และยกระดับการให้บริการเชื่อมโยงการขนส่งภายในประเทศ รวมทั้งโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัยในชุมชนคลองเตย และยกระดับชีวิตของชุมชนโดยรอบท่าเรือไปพร้อมกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มี.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top