นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปี 64 จะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ทุกปี โดยในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% หรือราว 5,500 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 5,000 ล้านบาท
ปัจจัยที่คาดว่าจะสนับสนุนให้บริษัทเติบโตตามเป้าหมาย มาจากการลงทุนทำโซลาร์ฟาร์มเพิ่มอีก 500 เมกะวัตต์ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ (EEC) ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่าง SPCG กับบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PEA ENCOM) ในเครือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จัดตั้งบริษัท เซท เอนเนอยี จำกัด ซึ่งเริ่มทยอยกำลังผลิตเฟสแรกที่ 300 เมกะวัตต์ และเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ตั้งแต่ไตรมาส 3/64 ซึ่งจะรับรู้รายได้ทันที โดยบริษัทตั้งเป้ากำลังการผลิตรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายในปี 68
ประกอบกับปีนี้บริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังผลิตรวมโครงการโซลาร์ฟาร์ม 36 โครงการอยู่ที่ 385 ล้านหน่วย รวมทั้งในปีนี้บริษัทยังบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพและขยายโครงการลงทุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับผลดำเนินงานของบริษัท นับตั้งแต่ปี 59 กำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 59 มีรายได้รวม 5,544.30 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,617.47 ล้านบาท, ปี 60 รายได้รวม 6,122 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,822.11 ล้านบาท, ปี 61 รายได้รวม 6,046 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,923.58 ล้านบาท, ปี 62 รายได้รวม 5,322 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,011.26 ล้านบาท, ปี 63 รายได้รวม 5,047 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,062.37 ล้านบาท
นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน SPCG กล่าวว่า รายได้ปีนี้ที่จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มใน EEC เฟสแรก ซึ่งผลตอบแทนการลงทุนโครงการดังกล่าวมากกว่า 10% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 200 เมกะวัตต์ คาดจะเริ่ม COD ได้ในปี 65 หากโครงการโซลาร์ฟาร์มใน EEC ดำเนินการครบ 500 เมกะวัตต์ จะสร้างรายได้ประมาณ 2.5 พันล้านบาท สามารถเข้ามาทดแทนโซลาร์ฟาร์มบางแห่ง ที่ทยอยหมด Adder ตั้งแต่ปี 64-67
SPCG มีรายได้มาจาก 2 ธุรกิจหลักคือ
1.ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm 36 โครงการ) รวมกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ และยังมีโครงการที่ญี่ปุ่นอีก 2 แห่ง มีความคืบหน้ามาก โดยเฉพาะโครงการ Tottori Yonago Mega Solar Power Plant กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ COD ไปแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ.2018 และบริษัทได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลไปแล้ว 3 งวด หรือ 3 ปีติดต่อกัน ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นทุกปี
ด้านโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima Mega Solar Project ขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ SPCG ถือหุ้น 17.92% แม้จะล่าช้าไปบ้างในช่วงวิกฤติโควิด แต่ปัจจุบันทางญี่ปุ่นได้เร่งเดินหน้างานก่อสร้าง และน่าจะเริ่ม COD ได้ราวไตรมาส 3/66 ตามแผนงานเดิม ส่วนเงินทุนงวดที่ 3 ที่จากตามกำหนดการเดิมจะต้องใส่เข้าไปราวสิ้นปีที่แล้ว บริษัทยังยืนยันที่จะใส่เงินทุนงวด 3 ตามสัญญาความก้าวหน้าโครงการ
2.ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) ที่บริษัทตั้งเป้าเติบโตรายได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR บริษัทในเครือ SPCG ที่ขณะนี้ได้ติดตั้งให้ภาคครัวเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำหลายแห่งในประเทศไทย ทั้งปัจจุบันกำลังเจรจากับโรงงานอีกหลายแห่งที่สนใจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มี.ค. 64)
Tags: EEC, SPCG, Ukujima Mega Solar Project, พิพัฒน์ วิริยธรานนท์, วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ, เอสพีซีจี, โซลาร์ฟาร์ม