กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยในวันนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 46,951 ราย และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 212 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 11,646,081 ราย และยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 159,967 ราย ท่ามกลางความวิตกกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตที่มีการรายงานในวันนี้ ถือเป็นสถิติเพิ่มขึ้นรายวันสูงที่สุดในปีนี้
สำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังได้รับการรักษาจนหายดีแล้วอยู่ที่ 11,151,468 ราย ส่วนผู้ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมีจำนวน 334,646 ราย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อินเดียเริ่มโครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศไปแล้วเกือบ 45 ล้านราย
ขณะเดียวกัน รัฐบาลอินเดียได้เพิ่มสถานที่ตรวจเชื้อโควิด-19 ครอบคลุมทั่วประเทศ จนถึงขณะนี้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้แก่ประชาชนแล้วกว่า 234 ล้านครั้ง
นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย แสดงความกังวลต่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการเพื่อสกัดการแพร่ระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19
ดร.แรนดีป กูเลเรีย ผู้อำนวยการประจำสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลล์อินเดีย (AIIMS) ในกรุงนิวเดลี เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอินเดียอาจเกิดมาจากการหละหลวมในการปฎิบัติตามมาตรการป้องกัน และเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดมากขึ้น
ดร.กูเลเรียกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่ออินเดียว่า “ประชาชนมีพฤติกรรมหละหลวมในการป้องกันการแพร่ระบาด ขณะนี้ประชาชนจำนวนมากมองว่าการแพร่ระบาดได้สิ้นสุดลงแล้ว เพราะมีวัคซีนแล้ว พวกเขาจึงไม่สวมหน้ากากอนามัย ผมเห็นผู้คนออกมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย หลายกิจกรรมที่มีผู้คนแออัด จนทำให้เกิด super spreader”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มี.ค. 64)
Tags: COVID-19, นเรนทรา โมดี, ผู้ติดเชื้อโควิด-19, อินเดีย, แรนดีป กูเลเรีย, โควิด-19