นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งบวกเล็กน้อย แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง และนายกฯ-รมต.จะยอมฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว-หวังเรียกความเชื่อมั่น แต่ไม่ช่วยอะไรเพราะหลายประเทศยังสั่งระงับการใช้วัคซีนตัวนี้-หวั่นกระทบการเปิดประเทศเพราะไทยพึ่งพาวัคซีนตัวนี้เป็นหลัก นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประชุมเฟด 16-17 มี.ค., การแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ที่ยังไม่แน่นอน และจับตาประชุมครม.วันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,562 ถัดไป 1,550-1,555 แนวต้าน 1,575-1,585 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ ขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกเล็กน้อย แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง และนายกรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีท่านอื่น ๆ จะยอมฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว เพื่อเรียกความเชื่อมั่น แต่ก็ไม่น่าจะช่วยอะไรได้เพราะหลายประเทศยังคงสั่งระงับการใช้วัคซีนตัวนี้ ทำให้อาจกระทบการเปิดประเทศได้ เพราะไทยพึ่งพาวัคซีนตัวนี้เป็นหลัก
นอกจากนี้ ตลาดฯยังรอดูหลายปัจจัยทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ที่ยังมีความไม่แน่นอน ดังนั้นนักลงทุนยังไม่รีบลงทุนในตลาดช่วงนี้ พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มหรือไม่ อย่างเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย จะมีการนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมครม.หรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,562 ถัดไป 1,550-1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,585 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,953.46 จุด เพิ่มขึ้น 174.82 จุด (+0.53%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,968.94 จุด เพิ่มขึ้น 25.60 จุด (+0.65%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,459.71 จุด เพิ่มขึ้น 139.84 จุด (+1.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.70 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 3.42 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 203.06 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 มี.ค.)1,565.73 จุด ลดลง 2.46 จุด (-0.16%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 756.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 มี.ค.) ปิดที่ 65.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 22 เซนต์ หรือ 0.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 มี.ค.) อยู่ที่ 1.44 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.71/73 แนวโน้มทรงตัวในกรอบ 30.70-30.80 ตลาดรอผลประชุมเฟด
- บีทีเอส ลุ้นต่อศาลอาญารับคำฟ้อง ทุจริตและประพฤติมิชอบ ปมยกเลิกประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังศาลสั่ง รฟม.แจงข้อมูลเพิ่มภายใน 30 วัน นัดฟังคำสั่ง 5 พ.ค.นี้ ส่วนกรณีฟ้องศาลปกครองปมเปลี่ยนเงื่อนไขประมูลสามารถอุทธรณ์ได้ใน 30 วัน หลังศาลฯ ให้จำหน่ายคดีเมื่อ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา
- กกพ.ขีดเส้นตายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเอสพีพีไฮบริดเฟิร์มภายใน 22 มี.ค.หากไม่ลงนามพีพีเอถือว่าหมดสิทธิทันที โดยยึดแบงก์การันตี คาดสรุปผล ก.พลังงานชี้ขาดโยกโควต้าไปโรงไฟฟ้าขยายผลหรือไม่
- คมนาคมเร่งเคาะ 2 ทำเลสร้างท่าเรือเชื่อมแลนด์บริดจ์ มิ.ย.นี้ เดินหน้าผลักดันเป็นฮับภูมิภาคหนุนสู่ประตูขนส่งสินค้า-โลจิสติกส์โลก ด้าน สนข.เล็งดึงรถไฟสายสีแดง-บขส.เข้าระบบแอปพลิเคชันนำทาง
- “นกแอร์” แจ้งขอเลื่อน ส่งแผนฟื้นฟู 1 เดือน เป็น 15 เม.ย. จากเดิม 15 มี.ค. อ้างเพราะเหตุโควิดป่วนรายได้ หวั่นกระแสเงินสดไม่พอใช้หนี้ ต้องปรับแผนหารายได้ใหม่เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์
- สศก.คาดปาล์มน้ำมันไตรมาส 2 ปี 2564 ผลผลิตเพิ่มขึ้น 72% หรือมีผลผลิต 5.61 ล้านตัน จากไตรมาส 1 ปีนี้มีผลผลิต 3.26 ล้านตัน อาจส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันลดลง จากไตรมาส 1 ราคาเฉลี่ยนอยู่ที่ 6.15 บาทต่อกิโลกรัม
หุ้นเด่นวันนี้
- DTAC (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 57 บาท ราคาหุ้น Underperform ตลาดในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานโดยรวมยังดี และมี Upside จากการเปิดเมืองซึ่งจะเพิ่มยอดใช้ซิมและมือถือของนักท่องเที่ยวและกลุ่มผู้ใช้แรงงานต่างด้าวเพิ่มมากขึ้น
- BGRIM (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 50 บาท หุ้นดีที่ราคา Laggard ตลาดเริ่มเกิด Sector Rotation เริ่มมีแรงซื้อกลุ่มโรงไฟฟ้าเข้ามา BGRIM มีปัจจัยเฉพาะตัวโดดเด่น รออนุมัติโรงไฟฟ้าที่เวียดนามใน Q1/64 ด้านโปรเจคโรงไฟฟ้าที่เวียดนามมีขนาดใหญ่ ส่วนโปรเจคอื่นใน pipeline ยังเป็นไปตามแผน คาดสิ้นปี 2564 BGRIM มีกำลังการผลิตติดตั้ง 2GW พร้อมประเมินกำไรสุทธิ ปี 2564-2565 ที่ 3 พันลบ. และ 3.37 พันลบ. +40%YoY, 11YoY ตามลำดับ
- MAJOR (คิงส์ฟอร์ด)”ซื้อเก็งกำไร”เป้าเฉลี่ย IAA Consensus 21.50 บาท คาดแนวโน้มผลประกอบการปี 64 จะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย แม้ว่าในช่วง Q1/64 จะยังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รอบ 2 ในประเทศ ส่งผลให้มีการปิดโรงภาพยนต์ชั่วคราวในเดือน ม.ค.แต่คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีตั้งแต่ Q2/64 น่าจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นจากโปรแกรมภาพยนต์ Hollywood ฟอร์มใหญ่หลายเรื่องที่เลื่อนการฉายมาจากปีก่อน รวมถึงรายได้จากการจำหน่ายอาหารและโฆษณาที่จะเริ่มฟื้นตัวตาม อิงประมาณการจาก Consensus คาดปี 64 พลิกเป็นกำไรสุทธิ 832 ล้านบาท และคาดเติบโตต่อในปี 65 ที่ 1.26 พันล้านบาท +51%YoY
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 64)
Tags: SET, ดัชนีหุ้นไทย, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย