นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้เรียกวิปวุฒิสภาหารือกันถึงปัญหาข้อกฎหมายที่เกิดขึ้นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร และมองว่าความเห็นที่ต่างกันขณะนี้เป็นเพราะยังไม่มีใครเห็นคำวินิจฉัยกลาง ดังนั้นต้องพิจารณาจากคำวินิจฉัยกลางก่อนว่ามีรายละเอียดอย่างไร
ขณะที่นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่า แม้ศาลจะชี้ว่ารัฐสภาสามารถยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ได้มีเพียงแค่การตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยังมีวิธีการอื่น ดังนั้นเมื่อจะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ศาลก็ระบุชัดเจนว่าจะต้องทำประชามติก่อน แล้วค่อยมากำหนดว่าจะใช้วิธีการตั้ง ส.ส.ร. หรือตั้งกรรมาธิการยกร่าง ดังนั้นกระบวนการที่ทำอยู่ขณะนี้ ทั้งการพิจารณาวาระที่ 1-2 เป็นกระบวนการที่ทำไปก่อนล่วงหน้า ส่วนตัวมองว่าจะทำให้มีปัญหา เพราะเป็นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนนี้ก็ถือเป็นกระบวนการเดียวกัน แต่หากมีผู้ตีความต่างกัน ตนเองก็เคารพ
ดังนั้นการประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติวาระสามในวันที่ 17 มี.ค.นี้ ที่ประชุมจะต้องหารือถึงคำวินิจฉัยของศาลก่อนว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เพราะคำวินิจฉัยผูกพันรัฐสภา เพราะหากจะเดินหน้าต่อไปก็ต้องกลับไปทำประชามติก่อน และถ้าหากทำประชามติรวบไปพร้อมกันหลังการลงมติวาระสามก็จะมีปัญหา เพราะสิ่งที่ดำเนินการมามีเนื้อหาที่เกินอำนาจจากที่ศาลวินิจฉัย คือมีการเขียนเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไว้แล้ว รวมถึงกระบวนการตั้ง ส.ส.ร. ทั้งที่ไม่ทำประชามติถามประชาชนก่อนถือเป็นการสอดไส้
นายสมชาย กล่าวว่า ส่วนตัวขอตีความว่าไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุมรัฐสภาจะวินิจฉัย แต่เมื่อมีข้อกังขาหากยังเดินหน้าไปถึงวาระสาม ในส่วนของ ส.ว.ก็ต้องหารือกัน ก่อนตัดสินใจว่าจะเดินหน้าร่วมลงมติหรือไม่ เพราะการลงมติมีผลผูกพันหากเดินหน้าต่อไปทั้งๆที่รู้ว่าผิดก็อย่าทำ ในยุคนี้ไม่ได้มีการถอดถอนแบบในอดีต แต่จะถูกดำเนินคดีในศาลฎีกานักการเมือง ด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 64)
Tags: รัฐธรรมนูญ, วุฒิสภา, ส.ว., สมชาย แสวงการ, สมาชิกวุฒิสภา, เสรี สุวรรณภานนท์