บมจ.โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) (ROH) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2564 อนุมัติให้บริษัทขายทรัพย์สินของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์สให้แก่กองทรัสต์หลังจากที่กองทรัสต์ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งและเสนอขายหน่วยทรัสต์ที่ออกใหม่จากสำนักงานก.ล.ต. และได้ดำเนินการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์เสร็จสิ้น
รวมทั้งคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนตามที่กำหนดไว้ในสัญญาที่เกี่ยวข้องครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว หรือได้รับการผ่อนผันตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน ซึ่งบริษัทคาดว่า จะแล้วเสร็จภายในปี 2564
และให้เช่าทรัพย์สินของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์สจากกองทรัสต์หลังจากที่กองทรัสต์ได้ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์ส ซึ่งบริษัทคาดว่า จะแล้วเสร็จภายในปี 2564
รวมทั้งซื้อคืนทรัพย์สินของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์สจากกองทรัสต์ จะเป็นไปตามเงื่อนไขตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่เกี่ยวข้องกับการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการขายอสังหาริมทรัพย์คืนให้แก่เจ้าของเดิม และเป็นไปตามเงื่อนไขที่คู่สัญญาได้ตกลงกันให้ระบุในสัญญาซื้อขายทรัพย์สินและสัญญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าธุรกรรมซื้อคืนทรัพย์สินจะสามารถเกิดขึ้นในปีที่ 3 หรือปีที่
4 หรือปีที่ 5 นับจากวันที่ลงนามในสัญญาขายทรัพย์สินให้แก่กองทรัสต์
ทั้งนี้ บริษัทจะขายทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์ส (โรงแรมรอยัลออคิด) ได้แก่ ที่ดินจำนวน 5 แปลง ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 2 ตรอกกัปตันบุช ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ดินรวม 5-1-65 ไร่ และอาคารสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด ที่ปลูกสร้างอยู่บนที่ดินดังกล่าว รวมทั้งทรัพย์สินที่เป็นสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจโรงแรมรอยัลออคิดในปัจจุบันให้แก่กองทรัสต์ เพื่อเป็นทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะลงทุนครั้งแรกในราคาขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,500 ล้านบาท
บริษัทคาดว่า จะได้รับเงินจากการขายทรัพย์สินให้แก่กองทรัสต์ภายหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 4,400 ล้านบาท โดยไม่รวมค่าธรรมเนียมและค่าภาษีอากรซึ่งอยู่ในระหว่างการเจรจาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมและค่าภาษีอากรที่เกิดจากการขายทรัพย์สินให้แก่กองทรัสต์
หลังจากที่กองทรัสต์ได้ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินของโรงแรมรอยัลออคิดจากบริษัทเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะเช่าทรัพย์สินดังกล่าวจากกองทรัสต์เพื่อนำกลับมาบริหารในนามของบริษัทต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขในการจัดตั้งกองทรัสต์และการขายทรัพย์สินของโรงแรมรอยัลออคิดให้แก่กองทรัสต์โดยมีกำหนดระยะเวลาการเช่า 3 ปีนับแต่วันที่ลงนามในสัญญาเช่า ซึ่งคู่สัญญาแต่ละฝ่ายมีสิทธิต่ออายุสัญญาเช่าอีก 2 คราว ๆ ละ 1 ปี รวมเป็นระยะเวลาการเช่าทั้งสิ้นไม่เกิน 5 ปี และมีค่าเช่าตลอดระยะเวลาการเช่าทั้งสิ้นไม่เกิน 1,460 ล้านบาท
บริษัทมีข้อตกลงในการซื้อคืนทรัพย์สินของโรงแรมรอยัลออคิดจากกองทรัสต์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่เกี่ยวข้องกับการออกและเสนอขายหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับการขายอสังหาริมทรัพย์คืนให้แก่เจ้าของเดิม โดยบริษัทคาดว่าธุรกรรมซื้อคืนทรัพย์สินจะสามารถเกิดขึ้นในปีที่ 3 หรือปีที่ 4 หรือปีที่ 5 โดยมีรายละเอียดดังนี้
- บริษัทมีข้อตกลง (Option) ในการซื้อคืนทรัพย์สินในปีที่ 3 ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,790 ล้านบาท
- บริษัทมีข้อตกลง (Option) ในการซื้อคืนทรัพย์สินในปีที่ 4 ในราคารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,900 ล้านบาท
- บริษัทมีข้อผูกพัน (Obligation) ในการซื้อคืนทรัพย์สินในปีที่ 5 ในราคารวมทั้งสิ้นประมาณ 5,020 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทจะได้รับเงินจากการขายทรัพย์สินของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์สจากการจัดตั้งกองทรัสต์ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจโรงแรมในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างมาก รวมถึงใช้เป็นเงินทุนในการซ่อมแซมและปรับปรุงอาคารโรงแรมให้อยู่ในสภาพดี
นอกจากนี้ บริษัทจะนำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่อปี (อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์) เพื่อจะนำผลตอบแทนจากการลงทุนดังกล่าว รวมถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของโรงแรมมาชำระเป็นค่าเช่ารายปีให้แก่กองทรัสต์ตามสัญญาเช่าและเป็นเงินทุนในการบริหารจัดการธุรกิจโรงเรมให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท
นอกจากนี้ บริษัทจะนำเงินสดจากการดำเนินงานและเงินที่ได้รับจากการลงทุนมาชำระเป็นราคาซื้อคืนทรัพย์สินตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์กับกองทรัสต์ และหากการดำเนินงานของโรงแรมกลับเข้าสู่สภาวะปกติในอนาคต ทรัพย์สินทีประเมินใหม่อาจมีมูลค่าสูงขึ้น บริษัทอาจพิจารณาขายทรัพย์สินให้กองทรัสต์ (ตามเกณฑ์ REIT ปกติ) ตามมูลค่าทรัพย์สินที่ประเมินใหม่ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโอกาสได้รับกำไรจากมูลค่าทรัพย์สินที่สูงขึ้น
อนึ่ง ในการขายทรัพย์สินให้แก่กองทรัสต์ตามเกณฑ์ REIT ปกติ ผู้ขายจะต้องเช่าทรัพย์สินดังกล่าวจากกองทรัสต์เพื่อนำกลับมาบริหารในนามของผู้ขาย ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการจัดตั้งกองทรัสต์ ผู้ขายจึงยังมีทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจตามปกติของผู้ขาย โดยบริษัทยังคงนโยบายที่จะดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป อย่างไรก็ตาม ในอนาคต หากบริษัทจะขายทรัพย์สินให้แก่กองทรัสต์ตามเกณฑ์ REIT ปกติ บริษัทจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฏเกณฑ์และข้อบังคับต่าง ๆ ของสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติให้บริษัทรับโอนกิจการทั้งหมดจากบริษัท ไทย รอยัลออคิด เรียส เอชเทท จำกัด (TRO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นอยู่ประมาณร้อยละ 100 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ตามมูลค่าทรัพย์สินและหนี้สินที่ปรากฎในบัญชีของ TRO ณ วันโอนกิจการ ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างกิจการของบริษัท ซึ่งจะช่วยบดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อนที่เกิดจากการทำรายการระหว่างกันของบริษัท และ TRO
ทั้งนี้ การรับโอนกิจการทั้งหมดดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่องบการเงินรวมของบริษัท และการดำเนินงานของบริษัทตลอดจนสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่อย่างใด และหลังจากที่บริษัทได้รับโอนกิจการทั้งหมดจาก TRO แล้ว บริษัทจะดำเนินการเลิกบริษัท TRO ในรอบระยะเวลาบัญชีที่โอนกิจการทั้งหมดตังกล่าวต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มี.ค. 64)
Tags: ROH, กองทรัสต์, อสังหาริมทรัพย์, โรงแรมรอยัล ออคิด, โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์ส