นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ออสเตรเลียอาจต้องลดตำแหน่งงานลงกว่า 100,000 ตำแหน่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการฟื้นตัวอย่างไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากรัฐบาลจะยุติโครงการมอบเงินอุดหนุนค่าจ้างซึ่งเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญสำหรับบริษัทและแรงงานที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นายนิโคลัส เกสนอน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร Commonwealth Bank of Australia กล่าวว่า แรงงานถึง 110,000 รายอาจต้องถูกปลดออกจากงานในอีกไม่กี่เดือนนี้ โดยยังมีภาคธุรกิจที่มีความเปราะบางอย่าง ธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นรุนแรงต่อตลาดงานอาจบั่นทอนความเชื่อมั่นผู้บริโภคและธุรกิจที่กำลังฟื้นตัว รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งได้ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่กลางปี 2563
โครงการ JobKeeper ของรัฐบาลให้การสนับสนุนธุรกิจราว 1 ล้านแห่ง และแรงงานราว 3.6 ล้านคนในช่วงกลางปี 2563 ก่อนที่จะลดความช่วยเหลือลงเหลือ 500,000 แห่งและพนักงาน 1.6 ล้านคนในช่วงปลายปี 2563 และต่อมาลดเหลือ 960,000 คนในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
นายเกสนอนประเมินว่า จะมีแรงงานราว 900,000 ตำแหน่งที่ต้องพึ่งพาโครงการ JobKeeper ก่อนที่โครงการจะจบลงในวันที่ 28 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ นายเกสนอนคาดว่าอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงอาจมีการลดตำแหน่งงานลงมากถึง 25%, 10% ในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงปานกลาง และ 5% ในอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำ
นายเกสนอนระบุว่า อุตสาหกรรมการขนส่ง, ศิลปะและสันทนาการ, อุตสาหกรรมที่พักและบริการอาหาร มีความเสี่ยงที่จะมีการปลดพนักงานมากสุดในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้
“อุตสาหกรรมเหล่านี้เป็นอุตสาหกรรมที่มีความอ่อนไหวต่อการเดินทางระหว่างประเทศ และได้รับผลกระทบอย่างหนักเมื่อมีการกำหนดข้อจำกัดและการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มี.ค. 64)
Tags: ตกงาน, นิโคลัส เกสนอน, มาตรการล็อกดาวน์, ออสเตรเลีย, แรงงาน