นักวิเคราะห์ คาดแนวโน้มตลาดหุ้นไทย sideway up รับราคาน้ำมันพุ่งทำนิวไฮรอบ 2 ปี หลังซาอุดิอาระเบียไม่เพิ่มกำลังการผลิตถึงเม.ย. และ Bond Yield ปรับสูงส่งผลดีหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นกลุ่มวัฎจักรเศรษฐกิจ อีกทั้งวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านดอลลาร์ คาดจะหนุนหุ้นตลาดเอเชียปรับตัวสูงขึ้น พร้อมให้แนวต้านที่ 1,550-1,560 จุดซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิม แนวรับที่ 1,530 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีแนวโน้ม sideway up ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสูงและสูงสุดในรอบ 2 ปี จากที่ซาอุดิอาระเบียจะไม่เพิ่มกำลังการผลิต 2 เดือนถึงเดือนเม.ย.นี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐ (Bond Yield) อายุ 10 ปีปรับตัวสูงขึ้น โดยจะส่งผลดีตลาดหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่เป็นหุ้นวัฎจักรเศรษฐกิจ อาทิ กลุ่มแบงก์ กลุ่มพลังงาน
นอกจากนนี้วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ คาดน่าจะส่งผลให้หุ้นในเอเชียปรับตัวขึ้น ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดร่างกฎหมายดังกล่าวจะไม่เหมือนเดิม ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะโหวตในวันอังคารนี้ จึงยังต้องติดตามต่อไป
พร้อมให้แนวต้านที่ 1,550-1,560 จุดซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิม แนวรับที่ 1,530 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,496.30 จุด เพิ่มขึ้น 572.16 จุด (+1.85%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,841.94 จุด เพิ่มขึ้น 73.47 จุด (+1.95%) ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,920.15 จุด เพิ่มขึ้น 196.68 จุด (+1.55%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 22.99 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 343.87 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 264.3 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 มี.ค.)1,544.11 จุด ลดลง 10.00 จุด (-0.65%)
- นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 2,206.14 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 64
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 มี.ค.) ปิดที่ 66.09 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.26 ดอลลาร์ หรือ 3.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 มี.ค.) อยู่ที่ 1.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 30.50/54 แนวโน้มอ่อนค่าหลังดอลล์แข็งจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี
- บจ.ปี 63 จ่ายปันผล 2.36 แสนล้าน ลดลง 1.28 แสนล้าน หรือ 35.15% จากปี 62 ที่จ่าย 3.65 แสนล้านพบ 24 บจ.จ่ายน้อยลง ขณะที่งดปันผล 2 บริษัท ตลท.ชี้พิษโควิด ฉุดกำไรบจ.ดิ่งเฉียด 50% “แมนพงศ์” คาดปีนี้ เศรษฐกิจฟื้น-วัคซีน หนุนกำไรบจ.ปันผลปี 64 เพิ่มขึ้น
- โบรกส่งสัญญาณ ปี 64 กำไรกลุ่มอสังหาฯ กลับมาฟื้นขานรับไทยจ่อเปิดประเทศครึ่งหลังแย้มดีมานด์จีนรอซื้อคึกคัก ด้าน “ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี” คาดกำไร 3.78 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 21% จากปี 63 ลุ้นยอดพรีเซลไตรมาส 3 ก่อนเพิ่มน้ำหนักหุ้นธุรกิจแนวราบ “กสิกรไทย” ให้กำไร 3.1 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 12% ฟาก “เอเซียพลัส” คาดกำไรที่ 3.4 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 15% เศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดแนะลงทุนปันผลสูงกว่า 6%
- ประชาธิปัตย์สะเทือนแพ้เลือกตั้งซ่อม ส.ส.นครศรีธรรมราชให้กับพลังประชารัฐ “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” ยึดเก้าอี้ ส.ส.เมืองคอนเพิ่มอีก 1 คน “อาญาสิทธิ์” แก้มือสำเร็จ ชนะน้องเทพไทแบบสูสี ห่างประมาณ 4,100 คะแนน
- กกพ. รอชัดเจนนโยบายการส่งเสริมกิจการก๊าซฯ เฟส 2 ก่อนเคาะอนุมัติใบอนุญาต LNG Shipper รายใหม่ คาด 1-2 เดือนสรุป มี 3-4 รายยื่นมาแล้ว วงในเผยมีทั้ง “เอ็กโก, PTTGL และ SCG ที่โดดเข้ามาร่วมวงด้วย
- ‘บิ๊กตู่’ หัวโต๊ะประชุมขับเคลื่อน 5จี วันนี้ กกร.จี้ประชุมศบศ.วอนถกประเด็นที่ธุรกิจต้องการ ไม่ใช่แค่วาระของภาครัฐ รอแผนวัคซีนพาสปอร์ต นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต้องกักตัว
หุ้นเด่นวันนี้
- CHG (คันทรี่) “ซื้อ”เป้า 2.90 บาท ตั้งเป้าเติบโตสองหลักในปี 64 ถูกผลักดันโดยการฟื้นตัวของจำนวนผู้ป่วย, รายได้เพิ่มเติมจากการเปิดโควต้าประกันสังคมใหม่ของ รพ.จุฬารัตน์ 304 และริเริ่มช่องทางการหารายได้ใหม่รับจ้างบริหาร รพ.และศูนย์เฉพาะทาง ปัจจุบัน มีสัญญาแล้ว 3 โครงการ คิดเป็นราว 8% ของฐานรายได้ต่อปี ยังมีอีก 5-6 รพ.รัฐฯ ที่มีโอกาสให้บริษัทเข้าไปบริหาร มีการลงทุน 2 โครงการ ได้แก่ ศูนย์มะเร็งสุวรรณภูมิ และ รพ.จุฬารัตน์ แม่สอด คาดเริ่มดำเนินงานได้ในปี 65
- KTB (ทรีนีตี้) “ซื่อ” เป้า 14.00 บาท ผู้บริหารให้เป้าหมายทางการเงินปี 64 ประเด็นสำคัญ คือ คาดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ลดลงจากปี 63 ที่ตั้งสำรองล่วงหน้าไปแล้ว และสัดส่วนลูกหนี้ภายใต้มาตรการช่วยเหลือลดลงเหลือราว 9% จากทั้งพอร์ตสินเชื่อ (สำหรับประมาณการของเราคาดว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ปี 64 จะลดลงราว 13%YoY) ยังมีปัจจัยจาก NIM ที่คาดว่าจะลดลงราว 10-20 bps เป็นผลจากการลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปี 63 (เราคาด NIM ลดลงราว 20 bps) ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานอาจยังอยู่ในระดับสูง (เราคาด Cost-to-income ratio ที่ 46%) เนื่องจากยังมีค่าใช้จ่ายจากการลงทุนดิจิตอล ภาพรวมคงประมาณการกำไรปี 64 ที่ 18,239 ล้านบาท ฟื้นตัว 9%YoY อัตราการฟื้นตัวที่ไม่สูงเท่าธนาคารอื่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 มี.ค. 64)
Tags: CHG, KTB, SET, SET Index, ตลาดหุ้นไทย, บล.ทิสโก้, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล